ไม่ว่าคุณจะขายแชมพู เสื้อผ้า หรือสบู่ เครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีจะช่วยให้คุณพิมพ์ฉลากได้รวดเร็ว ทั้งสำหรับติดหน้าสินค้า จัดการสต๊อก และการขนส่ง
แต่ในตลาดที่มีแบรนด์เครื่องพิมพ์ฉลากให้เลือกเยอะ การเลือกเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดอาจไม่ง่าย เพราะต้องคิดหลายอย่าง ทั้งราคา ฟีเจอร์ คุณภาพ ความเร็ว และต้นทุนต่อการใช้งาน
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดี บทความนี้รวมเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก 9 รุ่น พร้อมจุดเด่นและคำแนะนำเลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะกับงานของคุณ
9 เครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุด สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
- DYMO 5XL เครื่องพิมพ์ฉลากสำหรับงานขนส่ง
- Brother QL เครื่องพิมพ์ฉลากแบบเชื่อมต่อ Wi-Fi
- Zebra เครื่องพิมพ์ฉลากแบบเชื่อมต่อผ่าน USB
- Zebra ZSB เครื่องพิมพ์ฉลากไร้สาย
- Rollo เครื่องพิมพ์ฉลากอเนกประสงค์
- DYMO LabelWriter 4XL
- Jadens เครื่องพิมพ์ฉลากระบบความร้อน
- Brother P-touch CUBE
- Phomemo M110 เครื่องพิมพ์ฉลากขนาดเล็กพกพาสะดวก
1. DYMO 5XL เครื่องพิมพ์ฉลากสำหรับงานขนส่ง
เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องพิมพ์ฉลากขนส่งจำนวนมาก
ประเภท: เครื่องพิมพ์ระบบความร้อน (Thermal)
แบตเตอรี่: ไม่มี (ต้องเสียบปลั๊กไฟ AC)
ความละเอียด: 300 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: สูงสุด 53 ฉลากต่อนาที
การเชื่อมต่อ: USB, LAN
ราคา: ประมาณ 7,500 บาท
DYMO 5XL ออกแบบมาสำหรับร้านค้าที่ต้องพิมพ์ฉลากขนส่งขนาด 4x6 นิ้วโดยตรงจากแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Amazon และ eBay รวมถึงระบบขนส่งอย่าง DHL, UPS และ FedEx ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด วางบนโต๊ะทำงานได้ง่าย และให้คุณภาพการพิมพ์ที่คมชัด ไม่ต้องยุ่งยากกับการพิมพ์บนกระดาษแผ่นใหญ่
เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Thermal ช่วยลดต้นทุน เพราะไม่ต้องใช้หมึกหรือผงหมึก แถมยังลดปัญหาฉลากเปื้อนหรือเลอะจากการพิมพ์แบบเลเซอร์หรืออิงก์เจ็ต และด้วยความเร็วการพิมพ์สูงพร้อมความละเอียดระดับมืออาชีพ เครื่องรุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องพิมพ์ฉลากจำนวนมากเป็นประจำ
การติดตั้งและตั้งค่าใช้งานไม่ซับซ้อน เพียงดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ DYMO Connect แล้วเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB หรือ LAN จากนั้นสามารถเพิ่มข้อความหรือรูปภาพ ปรับขนาด แล้วพิมพ์ฉลากได้ภายในไม่กี่วินาที
อีกหนึ่งจุดเด่นคือฟีเจอร์ Automatic Label Recognition ที่ช่วยให้เครื่องตรวจจับขนาด สี และประเภทของฉลากที่ใส่อยู่ พร้อมแสดงจำนวนฉลากที่เหลือ ช่วยลดปัญหาฉลากหมดกลางงานได้อย่างดี
อย่างไรก็ตาม เครื่องรุ่นนี้ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ต้องใช้งานขณะเสียบปลั๊กเท่านั้น หากคุณต้องการเครื่องพิมพ์ฉลากแบบพกพาอาจต้องพิจารณารุ่นอื่น แต่ถ้าเน้นใช้งานประจำโต๊ะและต้องการประสิทธิภาพสูง DYMO 5XL ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
หมายเหตุ: รุ่นนี้ยังไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ข้อดี
- ติดตั้งง่าย
- ตั้งค่าใช้งานรวดเร็ว
- พิมพ์ได้เร็วและคมชัด
- ไม่ต้องใช้หมึกหรือผงหมึก
- ลดการสูญเสียฉลาก
ข้อเสีย
- ใช้ได้เฉพาะฉลากที่รองรับกับแบรนด์ DYMO
- ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว
- ไม่มีการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth
- ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ DYMO เพิ่มเติม
2. Brother QL เครื่องพิมพ์ฉลากแบบเชื่อมต่อ Wi-Fi
เครื่องพิมพ์ฉลากเชื่อมต่อหลายรูปแบบ ใช้งานได้ทั้งคอมและมือถือ
ประเภท: Direct Thermal
แบตเตอรี่: ไม่มี (ใช้ไฟบ้านเท่านั้น)
ความละเอียด: 300 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: 110 มิลลิเมตรต่อวินาที
การเชื่อมต่อ: Bluetooth, USB, Ethernet, Wi-Fi
ราคา: ประมาณ 11,500 บาท
Brother เป็นแบรนด์เครื่องใช้สำนักงานที่เชื่อถือได้มายาวนาน ทั้งเครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ และอุปกรณ์ POS เครื่องพิมพ์รุ่น QL Wi-Fi นี้ออกแบบมาให้เชื่อมต่อได้หลากหลาย ทั้งสายแลน Wi-Fi และบลูทูธ ช่วยให้คุณสามารถพิมพ์ฉลากได้จากมือถือหรือแท็บเล็ตโดยตรง นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB host สำหรับต่ออุปกรณ์เสริม เช่น สแกนเนอร์
หนึ่งในเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุด Brother QL Wi-Fi มาพร้อมดีไซน์กะทัดรัด ทันสมัย และความเร็วสูง สามารถพิมพ์ฉลากกระดาษกว้างถึง 4 นิ้ว เหมาะสำหรับพัสดุ ซองจดหมาย หรือฉลากสินค้า จุดเด่นคือฟังก์ชันตัดขอบอัตโนมัติ (Auto Crop) ที่ช่วยพิมพ์ฉลากจากไฟล์ขนาด Letter หรือ A4 ได้อย่างแม่นยำ
เครื่องรุ่นนี้พิมพ์ได้รวดเร็ว คมชัด ทั้งข้อความและภาพกราฟิก สูงสุดถึง 69 ฉลากต่อนาที แค่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ก็สามารถออกแบบและพิมพ์ฉลากในสไตล์ของคุณได้ทันที
ข้อดี
- เชื่อมต่อและตั้งค่าง่าย
- ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่
- พิมพ์ได้หลายขนาดและหลายรูปแบบ
- รองรับการเชื่อมต่อหลายช่องทาง
- ไม่ต้องใช้หมึกหรือผงหมึก
- ใช้งานร่วมกับ Microsoft Word, Excel และ Outlook ได้
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไป
- ฟังก์ชันตัดขอบอัตโนมัติใช้ได้เฉพาะกับ Windows
- ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว
หมายเหตุ: รุ่นนี้มีจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ผ่านตัวแทน Brother Thailand และร้านอุปกรณ์สำนักงานออนไลน์ทั่วไป
3. Zebra เครื่องพิมพ์ฉลากแบบเชื่อมต่อผ่าน USB
เครื่องพิมพ์ฉลากพื้นฐานที่ทนทานและคุ้มค่า
ประเภท: Direct Thermal
แบตเตอรี่: ไม่มี (ใช้ไฟบ้าน)
ความละเอียด: 203 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: 102 มิลลิเมตรต่อวินาที
การเชื่อมต่อ: USB
ราคา: ประมาณ 9,000 บาท
Zebra USB Label Printer เป็นรุ่นพื้นฐานที่สุดในซีรีส์ ZD แต่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและความคุ้มค่า เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเครื่องพิมพ์ฉลากราคาย่อมเยาแต่ใช้งานได้จริง ตัวเครื่องออกแบบแบบฝาเปิด (Clamshell Design) โครงสร้างสองชั้น และหัวพิมพ์โลหะเต็มรูปแบบ เพิ่มความแข็งแรงทนต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หนัก เช่น โรงงานขนาดเล็ก โลจิสติกส์ ค้าปลีก หรือโรงพยาบาล
คุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม เหมาะกับข้อความและบาร์โค้ด ให้ฉลากขนาด 4 นิ้วที่อ่านง่ายและคมชัด พิมพ์ได้รวดเร็วและมีหน่วยความจำในตัวที่มากขึ้นสำหรับเก็บฟอนต์และกราฟิก นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Print DNA Basic ที่ช่วยให้พิมพ์ฉลากได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาว
การติดตั้งและใช้งานง่ายมาก เพียงเชื่อมต่อผ่านสาย USB ก็พร้อมพิมพ์ได้ทันที ตัวเครื่องมาพร้อมปุ่มควบคุมหลักเพียงปุ่มเดียว และไฟแสดงสถานะ LED ช่วยให้ใช้งานได้สะดวก
อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้ไม่มีการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth และไม่มีแบตเตอรี่ในตัว จึงเหมาะสำหรับใช้งานประจำโต๊ะเท่านั้น ไม่เหมาะกับการพกพา
หมายเหตุ: รุ่นนี้ยังไม่มีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในไทย
ข้อดี
- ตัวเครื่องแข็งแรง ทนทาน
- ขนาดกะทัดรัด เก็บง่าย
- คุ้มค่าและประหยัดต้นทุน
- ไม่ต้องใช้หมึกหรือผงหมึก
- มีหน่วยความจำเพิ่มสำหรับเก็บฟอนต์และกราฟิก
- มีบริการและการซัพพอร์ตในหลายประเทศ
ข้อเสีย
- ใส่ม้วนฉลากขนาดใหญ่ไม่ได้
- ไม่เหมาะกับงานพิมพ์คุณภาพสูงหรือปริมาณมาก
- อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ทำให้ปรับตั้งค่าลำบาก
- ความละเอียดจำกัด ไม่เหมาะกับภาพขนาดเล็กมาก
4. Zebra ZSB เครื่องพิมพ์ฉลากไร้สาย
เครื่องพิมพ์ฉลากไร้สาย ดีไซน์เรียบหรู ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ประเภท: Direct Thermal
แบตเตอรี่: ไม่มี (ใช้ไฟบ้าน)
ความละเอียด: 300 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: 102 มิลลิเมตรต่อวินาที
การเชื่อมต่อ: Wi-Fi
ราคา: ประมาณ 3,200 บาท (รุ่น 2 นิ้ว) / 3,600 บาท (รุ่น 4 นิ้ว)
Zebra ZSB Wireless Label Printer เป็นเครื่องพิมพ์ฉลากที่ทั้งดูดีและทำงานได้จริง ตัวเครื่องดีไซน์ทันสมัย ขนาดกะทัดรัด ไม่ต้องใช้หมึกหรือผงหมึก และมีให้เลือกสองขนาดคือรุ่นพิมพ์กว้าง 2 นิ้ว และ 4 นิ้ว ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อแบบคลาวด์
คุณภาพการพิมพ์คมชัด เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียด เช่น ตัวอักษรขนาดเล็ก บาร์โค้ด โลโก้ หรือดีไซน์ซับซ้อน สามารถพิมพ์ได้สูงสุดถึง 73 ฉลากต่อนาที การติดตั้งก็ง่ายผ่านแอป ZSB Series ที่มีขั้นตอนแนะนำชัดเจน เมื่อเปิดเครื่องครั้งแรก เครื่องจะพิมพ์ฉลากพร้อม QR Code ให้สแกนเพื่อติดตั้งแอปบนมือถือ จากนั้นเชื่อมต่อและจัดการดีไซน์ฉลากได้จาก Workspace บนมือถือทันที
ผู้ใช้สามารถสร้างฉลากใหม่จากคอมพิวเตอร์ หรือเลือกเทมเพลตสำเร็จรูปเพื่อพิมพ์ผ่านมือถือก็ได้ ตัวแอปยังแสดงจำนวนฉลากที่เหลือและขนาดของตลับที่ใช้อยู่แบบเรียลไทม์
อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้คือ ตลับฉลากแบบย่อยสลายได้ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะลดสารตกค้างจากกระบวนการพิมพ์และการกำจัดของเสีย ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับธุรกิจยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน
ข้อเสียหลักคือ รุ่น 4 นิ้วมีขนาดใหญ่กว่าที่คิด แต่รองรับการใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มขนส่งและอีคอมเมิร์ซยอดนิยม เช่น Shopify, eBay, และระบบ MS Office รวมถึง Google Contacts ได้อย่างสมบูรณ์
หมายเหตุ: รุ่นนี้ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ข้อดี
- ติดตั้งและตั้งค่าง่ายผ่านมือถือ
- คุณภาพการพิมพ์สูง
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- พิมพ์ได้หลายขนาดและหลายรูปแบบ
- ไม่ต้องใช้หมึกหรือผงหมึก
- รองรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและขนส่งหลัก
ข้อเสีย
- รุ่น 4 นิ้วมีขนาดใหญ่
- ต้องใช้แอปและฉลากเฉพาะของ Zebra
- ไม่มีพอร์ต USB
- ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว
5. Rollo เครื่องพิมพ์ฉลากอเนกประสงค์ที่ดีที่สุด
ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น รองรับฉลากหลายขนาด
ประเภท: Thermal
แบตเตอรี่: ไม่มี (ใช้ไฟบ้าน)
ความละเอียด: 203 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: 150 มิลลิเมตรต่อวินาที
การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, USB
ราคา: ประมาณ 6,200 บาท (รุ่น USB) / 9,000 บาท (รุ่นไร้สาย)
Rollo Label Printer เป็นหนึ่งในเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดดีไซน์เรียบหรู ตัวเครื่องทำจากพลาสติกสีขาวมันวาว ฝาบนเปิดได้ง่าย มีช่องใส่ฉลากด้านหลัง และตกแต่งด้วยสีม่วงอ่อนบริเวณด้านหน้า เพิ่มความทันสมัยให้กับโต๊ะทำงาน
เพียงใส่กระดาษฉลากที่ช่องด้านหลัง เครื่องจะเลื่อนกลับไปมาเพื่อวัดขนาดฉลากและหาช่องว่างระหว่างแผ่น จากนั้นจะตั้งตำแหน่งเพื่อเริ่มพิมพ์ฉลากแรกโดยอัตโนมัติ ทำให้พิมพ์ได้ต่อเนื่องและแม่นยำ
จุดเด่นของ Rollo คือสามารถใช้ได้กับกระดาษฉลากระบบความร้อนแทบทุกยี่ห้อ ไม่จำเป็นต้องซื้อฉลากเฉพาะแบรนด์ ช่วยประหยัดต้นทุน เหมาะกับการพิมพ์ฉลากขนส่งขนาด 4x6 นิ้ว แต่ก็รองรับความยาวและความกว้างที่หลากหลาย เช่น ป้ายชื่อหรือบาร์โค้ด ทำให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นกับหลายประเภทของสินค้า
Rollo มีทั้งรุ่น USB และรุ่นไร้สาย ทั้งสองรุ่นพิมพ์ได้เร็วและเข้ากันได้กับทุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ รุ่น USB ใช้กับคอมพิวเตอร์โดยตรง ส่วนรุ่นไร้สายสามารถตรวจจับขนาดฉลากอัตโนมัติ มาพร้อมฉลากขนาด 4x6 นิ้วแบบรักษ์โลก และใช้งานได้กับหลายระบบปฏิบัติการ เพียงดาวน์โหลดแอป Rollo เพื่อเชื่อมต่อและพิมพ์ผ่าน Wi-Fi ได้ทันที
ข้อดี
- พิมพ์ได้โดยไม่ต้องใช้หมึก
- ความเร็วสูง ใช้งานได้ลื่นไหล
- เชื่อมต่อไร้สายสะดวก
- ใช้ได้กับกระดาษฉลากเกือบทุกชนิด
- รองรับหลายขนาดฉลาก เหมาะกับงานขนส่งทุกประเภท
- ตรวจจับฉลากอัตโนมัติ
- ใช้งานร่วมกับทุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ข้อเสีย
- รุ่นไร้สายต้องใช้แอป Rollo ในการพิมพ์
- ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว
- ถาดกระดาษดูเทอะทะ ใช้งานไม่คล่องบางจุด
- ผู้ใช้บางรายพบปัญหาความคมชัดของการพิมพ์และความแม่นยำ
หมายเหตุ: รุ่นนี้มีจำหน่ายในประเทศไทยผ่านตัวแทนออนไลน์บางราย เช่น Shopee และ Lazada แต่ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของปลั๊กและอุปกรณ์ก่อนสั่งซื้อ
6. DYMO LabelWriter 4XL
เครื่องพิมพ์ฉลากขนส่งมาตรฐาน แข็งแรงและเชื่อถือได้
ประเภท: Thermal
แบตเตอรี่: ไม่มี (ใช้ไฟบ้าน)
ความละเอียด: 300 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: สูงสุด 53 ฉลากต่อนาที
การเชื่อมต่อ: USB
ราคา: ประมาณ 10,500 บาท
แม้ว่าหนึ่งในเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุด DYMO 5XL จะมีฟีเจอร์ที่เหนือกว่า เช่น ความเร็วที่สูงกว่า การเชื่อมต่อที่หลากหลาย และระบบตรวจจับฉลากอัตโนมัติ แต่ DYMO LabelWriter 4XL ก็ยังคงเป็นเครื่องพิมพ์ฉลากที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะสำหรับการพิมพ์ฉลากขนาดใหญ่และงานขนส่งจำนวนมาก
รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับการพิมพ์แบบกว้าง (Wide-format) และมีระบบจัดการกระดาษที่แม่นยำ เหมาะสำหรับร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจที่ต้องพิมพ์ฉลากพัสดุปริมาณมาก สามารถพิมพ์ฉลากขนาด 4x6 นิ้วได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยม และรองรับการพิมพ์บาร์โค้ดได้เช่นกัน
DYMO 4XL มาพร้อมซอฟต์แวร์ DYMO Connect ฟรี ช่วยให้คุณออกแบบฉลากได้อย่างอิสระจากเทมเพลตกว่า 60 แบบ พร้อมเพิ่มข้อความ โลโก้ หรือกราฟิกได้ตามต้องการ พิมพ์ได้เร็วและคมชัดในระดับ 300 DPI สูงสุดถึง 53 ฉลากต่อนาที
ข้อดี
- ติดตั้งง่าย ใช้งานสะดวก
- พิมพ์เร็ว คุณภาพดี
- ตัวเครื่องทนทาน
- รองรับฉลากจากแบรนด์อื่นหรือแบบกำหนดเอง
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- ไม่มีระบบตรวจจับฉลากอัตโนมัติ
- ไม่มีการเชื่อมต่อ Bluetooth หรือ Ethernet
หมายเหตุ: รุ่นนี้ยังไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย
7. Jadens เครื่องพิมพ์ฉลากระบบความร้อน
เครื่องพิมพ์ฉลากราคาประหยัด ใช้งานง่าย เหมาะกับธุรกิจเริ่มต้น
ประเภท: Thermal
แบตเตอรี่: แบบชาร์จได้
ความละเอียด: 203 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: 150 มิลลิเมตรต่อวินาที
การเชื่อมต่อ: Bluetooth, USB
ราคา: ประมาณ 4,200 บาท
ไม่จำเป็นต้องลงทุนกับเครื่องพิมพ์ฉลากระดับสูงเสมอไป เพราะ Jadens Thermal Label Printer เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในงบจำกัด แม้ราคาย่อมเยา แต่ก็อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สำคัญ เช่น ระบบจัดแนวฉลากอัตโนมัติ ความเร็วสูง การเชื่อมต่อทั้งบลูทูธและ USB พร้อมแท่นวางฉลากในตัว และรองรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักทั้งหมด เช่น Shopee, Lazada, และระบบขนส่งต่าง ๆ
เครื่องรุ่นนี้รองรับทั้งฉลากแบบม้วนและแบบแผ่น (Fanfold) สามารถพิมพ์ได้ถึง 72 ฉลากต่อนาที ให้ภาพคมชัดและกันน้ำ เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ที่ต้องจัดส่งสินค้าจำนวนมาก แต่ต้องการเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กใช้งานสะดวก
ข้อดี
- ติดตั้งง่าย ใช้งานไม่ซับซ้อน
- พิมพ์ได้โดยไม่ต้องใช้หมึก
- เชื่อมต่อไร้สายสะดวกผ่าน Bluetooth
- ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย
- ราคาคุ้มกว่ารุ่นอื่นในตลาด
- มีรุ่นพิมพ์ฉลากสีให้เลือกเพิ่มเติม
ข้อเสีย
- ฟีเจอร์พื้นฐาน ไม่เหมาะกับงานระดับมืออาชีพ
- ต้องใช้ผ่านแอป Jadens เท่านั้น
- อาจมีการสูญเสียฉลากบางส่วนระหว่างพิมพ์
- ผู้ใช้บางรายรายงานปัญหาการเชื่อมต่อ Bluetooth หลุดเป็นครั้งคราว
หมายเหตุ: รุ่นนี้ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่สามารถสั่งซื้อได้จากร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ เช่น Amazon หรือ AliExpress
8. Brother P-touch CUBE
เครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุด ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่ายผ่านมือถือ
ประเภท: Thermal
แบตเตอรี่: ถ่าน AAA
ความละเอียด: 180 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: 30 มิลลิเมตรต่อวินาที
การเชื่อมต่อ: Bluetooth, USB
ราคา: ประมาณ 2,100 บาท
Brother P-touch CUBE เป็นเครื่องพิมพ์ฉลากแบบพกพาน้ำหนักเบา ที่ช่วยให้คุณออกแบบฉลากได้จากมือถือโดยตรง เหมาะกับเจ้าของร้านค้าออนไลน์ แม่ค้าในตลาด หรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการพิมพ์ฉลากอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์
เครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดรุ่นนี้รองรับเทปฉลากได้หลากหลายแบบ และมาพร้อมเทมเพลต ฟอนต์ กรอบ และสีให้เลือกมากมาย สามารถปรับแต่งให้ตรงกับสไตล์แบรนด์ของคุณได้ง่าย ๆ ที่สำคัญยังมีใบมีดตัดอัตโนมัติในตัว เพียงกดปุ่มเดียวก็ได้ฉลากที่ตัดเรียบพอดีทุกครั้ง
แอปฟรี Design&Print2 ใช้งานง่ายและเป็นระบบระเบียบดี มีฟีเจอร์ฉลาด เช่น การรู้จำข้อความอัตโนมัติ การแปลหลายภาษา (เช่น สเปน จีน เยอรมัน) และการบันทึกงานบนคลาวด์ ช่วยให้สร้างฉลากได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา
ข้อดี
- น้ำหนักเบา พกพาง่าย เหมาะสำหรับใช้นอกสถานที่
- มีใบมีดตัดอัตโนมัติ ตัดฉลากเรียบและแม่นยำ
- มีบริการซัพพอร์ตฟรีตลอดอายุการใช้งาน
- พิมพ์บาร์โค้ดและฉลากแนวตั้งได้
- ใช้งานได้ทั้งแบบเสียบไฟหรือใช้ถ่าน AAA
- แอป Design&Print2 ใช้งานง่ายและรองรับหลายรูปแบบฉลาก
ข้อเสีย
- ไม่มีการเชื่อมต่อ Wi-Fi
- พิมพ์ได้เพียงสองบรรทัดต่อฉลาก
- ไม่รองรับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์
- บางครั้งอาจมีการสูญเสียเนื้อฉลากเล็กน้อยในแต่ละการพิมพ์
หมายเหตุ: รุ่นนี้มีจำหน่ายในประเทศไทยอย่างแพร่หลาย ผ่านร้านอุปกรณ์สำนักงานและออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada และตัวแทน Brother Thailand
9. Phomemo M110 เครื่องพิมพ์ฉลากขนาดเล็กพกพาสะดวก
เครื่องพิมพ์ฉลากพกพาแบบชาร์จได้ ใช้งานง่ายและพิมพ์ได้ทุกที่
ประเภท: Thermal
แบตเตอรี่: แบบชาร์จได้
ความละเอียด: 203 DPI
ความเร็วในการพิมพ์: 20 มิลลิเมตรต่อวินาที
การเชื่อมต่อ: USB-C, Bluetooth
ราคา: ประมาณ 1,800 บาท
Phomemo M110 เป็นหนึ่งในเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดขนาดเล็กที่ใช้งานสะดวก สามารถพิมพ์ฉลากได้อย่างรวดเร็วจากอุปกรณ์ทุกประเภท ทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์ ผ่านแอป Printer Master Smart ที่มาพร้อมเทมเพลตฟรีกว่า 100 แบบ พร้อมฟอนต์ สไตล์ และภาพให้เลือกหลากหลาย นอกจากนี้ยังสามารถพรีวิวฉลากก่อนพิมพ์ได้ เพื่อไม่ให้เปลืองเทปโดยใช่เหตุ
แม้ตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องพิมพ์พกพาบางรุ่นเล็กน้อย แต่ก็ให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งการรองรับขนาดฉลากหลากหลาย ระบบตัดที่ใช้งานง่าย และความทนทานสูง จุดเด่นคือฟังก์ชัน OCR (Optical Character Recognition) ที่ช่วยสแกนข้อความจากภาพและแปลงเป็นฉลากพร้อมพิมพ์ได้ทันทีภายในไม่กี่วินาที
แบตเตอรี่แบบชาร์จได้สามารถใช้งานต่อเนื่อง 3–4 ชั่วโมง (หรือพิมพ์ได้ราว 13 ม้วน) และด้วยความเร็วการพิมพ์สูงสุด 18 มิลลิเมตรต่อวินาที จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องพิมพ์ฉลากจำนวนมากโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย
ข้อดี
- ติดตั้งง่าย ใช้งานสะดวก
- พิมพ์เร็วและใช้งานได้กับหลายอุปกรณ์
- มีเทมเพลตฉลากให้เลือกจำนวนมาก
- รองรับทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
- มีให้เลือกหลายสี ดีไซน์สวยพกง่าย
ข้อเสีย
- ฉลากที่แถมมาเริ่มต้นมีขนาดเล็ก อาจไม่เหมาะกับงานบางประเภท
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่จำกัด
- พิมพ์ได้เฉพาะสีเดียว (ขาว-ดำ)
- ต้องใช้ผ่านแอป Phomemo เท่านั้น หากแอปมีปัญหาอาจส่งผลต่อการใช้งาน
หมายเหตุ: รุ่นนี้มีจำหน่ายในประเทศไทยอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะบน Shopee และ Lazada ได้รับความนิยมจากร้านค้าออนไลน์และผู้ขายของแฮนด์เมด
วิธีเลือกเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
การเลือกเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ ไม่ใช่แค่ดูราคาหรือยี่ห้อเท่านั้น แต่ควรมองให้ครอบคลุมทั้งคุณภาพการพิมพ์ ความเร็ว ฟังก์ชันการเชื่อมต่อ และความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว ต่อไปนี้คือ 5 ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ
คุณภาพการพิมพ์
คุณภาพฉลากคือภาพลักษณ์ของแบรนด์ ความละเอียดในการพิมพ์หรือ DPI (dots per inch) คือสิ่งที่กำหนดความคมชัดของตัวอักษรและภาพ โดยมาตรฐานอุตสาหกรรมทั่วไปอยู่ที่ 203 DPI ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่หากต้องการความคมชัดระดับพรีเมียม แนะนำให้เลือกเครื่องพิมพ์ที่มีความละเอียดอย่างน้อย 300 DPI เพื่อให้ฉลากดูสวยงาม ไม่เลอะหมึก และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าตั้งแต่แรกเห็น
ความเร็วในการพิมพ์
สำหรับธุรกิจที่มีออเดอร์จำนวนมาก ความเร็วถือเป็นหัวใจสำคัญ ความเร็วจะถูกวัดเป็น “จำนวนฉลากที่พิมพ์ได้ต่อนาที” เช่น DYMO 5XL พิมพ์ได้ประมาณ 53 ฉลากต่อนาที ส่วน Brother QL ทำได้สูงสุด 69 ฉลากต่อนาที หากคุณเพิ่งเริ่มต้น อาจไม่จำเป็นต้องใช้รุ่นที่เร็วที่สุด แต่เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น เครื่องพิมพ์ที่รองรับการพิมพ์ต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด
ตัวเลือกการเชื่อมต่อ
เครื่องพิมพ์ฉลากยุคใหม่ควรรองรับการเชื่อมต่อหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น USB, Bluetooth, Ethernet หรือ Wi-Fi เพื่อให้คุณสามารถพิมพ์ได้จากทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน การเลือกเครื่องที่มีทั้งการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สายจะช่วยให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นมากกว่า เหมาะทั้งสำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านและผู้ขายออนไลน์ที่ต้องพิมพ์จากหลายอุปกรณ์
ขนาดและรูปแบบฉลาก
ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องพิมพ์ฉลากที่เลือกสามารถรองรับ “ขนาดฉลาก” ที่คุณต้องการใช้งานได้จริง โดยทั่วไป ฉลากขนส่งมาตรฐานจะมีขนาด 4x6 นิ้ว ซึ่งเครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่รองรับ แต่หากคุณต้องการฉลากขนาดใหญ่กว่า เช่น 8 นิ้ว หรือ 8.6 นิ้ว สำหรับกล่องสินค้าพิเศษหรือฉลากโลจิสติกส์ อาจต้องเลือกเครื่องพิมพ์ที่รองรับเฉพาะทาง นอกจากนี้ควรพิจารณาเรื่อง วัสดุฉลาก (กระดาษหรือพลาสติกสังเคราะห์), รูปแบบการจัดเรียง (ม้วนหรือพับ), ชนิดของกาว และช่วงขนาดฉลากที่รองรับ เพื่อให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานของธุรกิจมากที่สุด การขอตัวอย่างฉลากมาทดสอบพร้อมคำนวณ “ต้นทุนต่อการพิมพ์” จะช่วยให้คุณเลือกได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
ต้นทุน
อย่ามองเพียงแค่ “ราคาซื้อเครื่อง” เพราะนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของต้นทุนทั้งหมดเท่านั้น เครื่องพิมพ์บางรุ่นแม้ราคาถูกกว่า แต่ค่าใช้จ่ายระยะยาวอาจสูงกว่า ทั้งค่าหมึกพิมพ์ ค่าม้วนฉลาก เทป สติกเกอร์ หรือแม้แต่ค่าอะไหล่และค่าซ่อมบำรุง ดังนั้นควรคำนวณ “ต้นทุนรวมต่อปี” ก่อนตัดสินใจ เพื่อดูว่ารุ่นไหนคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว เครื่องพิมพ์ที่มีราคากลาง ๆ แต่มีวัสดุสิ้นเปลืองราคาย่อมเยา อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้มากกว่าเครื่องราคาถูกที่สิ้นเปลืองกว่า
เพิ่มประสิทธิภาพงานจัดส่งด้วยเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุด
เครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณคือรุ่นที่ตอบโจทย์ได้ครบ ทั้งคุณภาพการพิมพ์ ความเร็ว ความเสถียร และต้นทุนที่เหมาะสม โดยไม่ต้องดูแลยุ่งยากหรือเปลี่ยนหมึกบ่อย ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรทดลองใช้หรือเปรียบเทียบหลายรุ่น เพื่อดูว่ารุ่นไหนเข้ากับลักษณะงานของคุณที่สุด เพราะ “เครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุด” จะช่วยให้กระบวนการจัดส่งของคุณรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนได้ในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุด
เครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุดสำหรับใช้ในบ้านคือรุ่นไหน
สำหรับการใช้งานในโฮมออฟฟิศ Rollo ถือเป็นหนึ่งในเครื่องพิมพ์ฉลากที่ดีที่สุด เพราะสามารถใช้กับกระดาษเทอร์มอลได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งขนาดมาตรฐาน 4x6 นิ้วและขนาดอื่น ๆ อีกมากมาย รุ่นนี้มีให้เลือกทั้งแบบ USB และแบบไร้สาย พร้อมความเร็วในการพิมพ์สูง และยังรองรับการใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเกือบทุกแห่ง
พิมพ์ฉลากเอง ถูกกว่าจ้างโรงพิมพ์หรือไม่
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ และมีอุปกรณ์พิมพ์อยู่แล้ว การพิมพ์ฉลากเองอาจประหยัดกว่าในช่วงแรก แต่ถ้าต้องพิมพ์ฉลากปริมาณมาก หรือมีวัสดุหลายประเภท เช่น พลาสติกหรือสติกเกอร์พิเศษ อาจต้องใช้เครื่องมือระดับมืออาชีพที่มีราคาสูงกว่า ซึ่งในกรณีนี้ การจ้างผู้ให้บริการพิมพ์ฉลากมืออาชีพอาจคุ้มค่ากว่า
ควรใช้เครื่องพิมพ์แบบไหนสำหรับพิมพ์ฉลากขนส่งสินค้า
ประเภทของเครื่องพิมพ์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปริมาณการจัดส่งและความต้องการเฉพาะของธุรกิจ ถ้ามีออเดอร์ไม่มาก เครื่องพิมพ์ฉลากแบบเชื่อมต่อ USB ความเร็วสูง ความละเอียดอย่างน้อย 203 DPI ก็เพียงพอ แต่ถ้ามีออเดอร์จำนวนมาก ควรเลือกเครื่องพิมพ์แบบไร้สายที่มีความละเอียด 300 DPI ขึ้นไป รองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลัก ๆ และพิมพ์ได้รวดเร็วต่อเนื่อง
เครื่องทำฉลาก (Label maker) ต่างจากเครื่องพิมพ์ฉลาก (Label printer) ยังไง
เครื่องทำฉลากจะมีแป้นพิมพ์ในตัว และมักใช้พิมพ์ฉลากเคลือบหรือฉลากสำหรับงานจัดระเบียบ เช่น ป้ายชื่อหรือฉลากแฟ้ม ส่วนเครื่องพิมพ์ฉลากจะต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบก่อนพิมพ์ และมักใช้สำหรับฉลากบรรจุภัณฑ์หรือฉลากขนส่งสินค้า


