เมืองใหญ่ๆ สร้าง GDP รวมกันกว่า 80% ของโลก ทว่าถนนที่จอแจเหล่านั้นกำลังต้องแบกรับจำนวนรถตู้ส่งของที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจทำให้เวลาการเดินทางในเมืองโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 5 นาที และอาจเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนถึง 13% ของเมืองภายในปี 2030
ผู้บริโภคไม่ได้มองข้ามปัญหานี้ ผู้คนกว่าครึ่งเลือกที่จะไปรับสินค้าที่หน้าร้านหรือจุดรับสินค้า (Curbside pickup) โดยเลือกความยืดหยุ่นมากกว่าการรอรับของที่หน้าบ้าน และจำนวนนี้ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่าทำไมสั่งออนไลน์รับที่ร้านถึงชนะใจทั้งในเรื่องความสะดวกและต้นทุน สำหรับทั้งผู้ค้าปลีกและลูกค้า รวมถึงวิธีเปิดตัวบริการนี้ในร้านค้าอีคอมเมิร์ซของคุณ เพื่อคว้าโอกาสจากเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์นี้
สั่งออนไลน์รับที่ร้านคืออะไร
สั่งออนไลน์รับที่ร้านได้เปลี่ยนจากแค่ทางแก้ขัดช่วงโรคโควิด กลายมาเป็นตัวเลือกหลักในการส่งมอบสินค้าของผู้ค้าปลีกไปแล้ว ไม่ยากเลยที่จะเข้าใจว่าทำไมทั้งนักช้อปและร้านค้าต่างก็หลงรักวิธีนี้ หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า Curbside pickup หรือ Buy Online, Pick Up In-Store (BOPIS) โมเดลนี้ช่วยให้ลูกค้าซื้อของออนไลน์แล้วไปรับสินค้าเองได้ที่หน้าร้าน ตู้ล็อกเกอร์ หรือจุดจอดรับสินค้าแบบไม่ต้องลงจากรถ
สั่งออนไลน์รับที่ร้านเป็นวิธีที่มีข้อดีทั้งกับผู้ซื้อและผู้ขาย กล่าวคือ
- ผู้ซื้อสามารถไปรับสินค้าได้เอง โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการกำหนดเวลาจัดส่ง
- ผู้ค้าปลีกสามารถลดขั้นตอนสุดท้ายในการจัดการคำสั่งซื้อ และนำเสนอความรวดเร็วในแบบ Amazon ให้แก่ผู้ซื้อได้ โดยไม่ต้องเสียค่าจัดส่งเพิ่มเติม
ข้อมูลจาก eMarketer ระบุว่า สั่งออนไลน์รับที่ร้านได้กลายเป็นช่องทางที่มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท และมีผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ กว่าครึ่งเลือกใช้บริการนี้ ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตและของสดเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด ส่วนใหญ่เป็นเพราะสินค้าเหล่านี้เน่าเสียได้ง่าย แต่วิธีนี้ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในกลุ่มสินค้าแฟชั่น อิเล็กทรอนิกส์ และของตกแต่งบ้าน สำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกและยืดหยุ่นในการไปรับของตามเวลาที่ตัวเองสะดวก ยิ่งสำหรับสินค้าราคาแพง การไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาขโมยพัสดุหน้าบ้านที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ก็เป็นอีกเหตุผลที่จูงใจให้คนเลือกวิธีนี้
พฤติกรรมในช่วงไฮซีซันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การสั่งออนไลน์รับของที่ร้านไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว ในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 การรับสินค้าแบบไม่ต้องลงจากรถคิดเป็นสัดส่วนถึง 17.5% ของคำสั่งซื้อออนไลน์ทั้งหมด และพุ่งสูงเกิน 37% ในวันที่ 23 ธันวาคม เมื่อเหล่านักช้อปนาทีทองต่างรีบเร่งไปรับของขวัญให้ทันเวลาห่อ
Lola's Cupcakes ใช้ Shopify เพื่อนำเสนอบริการสั่งออนไลน์รับที่ร้าน
เหตุผลที่ผู้ซื้อ (และร้านค้า) ชอบการสั่งออนไลน์รับที่ร้าน
ความรวดเร็วและความคุ้มค่า
กว่า 2 ใน 3 ของนักช้อปชาวสหรัฐฯ ชอบการสั่งออนไลน์รับที่ร้านมากกว่าให้ส่งมาที่บ้าน พวกเขามองว่าเป็นวิธีซื้อของที่เร็วที่สุดและยุ่งยากน้อยที่สุด ความสะดวกนี้สร้างรายได้ให้เห็นๆ โดย eMarketer รายงานว่า 44% ของลูกค้าที่ใช้บริการนี้มักจะซื้อสินค้าเพิ่มอย่างน้อยหนึ่งชิ้นตอนไปรับของ
ลดต้นทุนการขนส่งช่วงสุดท้ายและความเสี่ยงจากการขโมย
การขนส่งช่วงสุดท้าย (Last mile) คิดเป็น 53% ของค่าขนส่งทั้งหมด แต่ทุกออเดอร์ที่ลูกค้ามารับเองคือค่าส่งที่คุณประหยัดไปได้ การโยกออเดอร์ให้มารับที่ร้านช่วยรักษาผลกำไรและกันกระสุนจากค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมของบริษัทขนส่ง
การสั่งออนไลน์รับที่ร้านยังช่วยแก้ปัญหาที่กำลังระบาดหนักอย่าง "โจรขโมยพัสดุหน้าบ้าน" (Porch Piracy) ในปี 2024 มีพัสดุราว 58 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทถูกขโมยในสหรัฐฯ การเก็บสินค้าไว้ในร้านจนกว่าลูกค้าจะมารับ จึงช่วยขจัดความเสี่ยงนี้ไปได้อย่างสิ้นเชิง และทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าของที่ซื้อจะปลอดภัย
เปรียบเทียบการสั่งออนไลน์รับที่ร้าน vs. บริการขนส่งในพื้นที่
การรับสินค้าเองยังคงมีภาษีดีกว่าการจัดส่งในพื้นที่ แต่ช่องว่างนี้กำลังแคบลงเรื่อยๆ ข้อมูลจาก Brick Meets Click และ Mercatus เดือนพฤศจิกายน 2024 ชี้ว่า การรับสินค้า (ทั้งแบบไม่ลงจากรถและในร้าน) กินส่วนแบ่ง 41.3% ของตลาดของชำออนไลน์สหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าราว 1.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% จากปีก่อน
บริการจัดส่งกำลังไล่ตามมาติดๆ ด้วยแรงหนุนจากระบบสมาชิกค่าธรรมเนียมต่ำอย่าง Walmart+ และ Instacart+ ที่ทำให้การส่งถึงหน้าบ้านรู้สึกเหมือนฟรี
แม้ทั้งสองบริการจะมีอัตราการใช้งานใกล้เคียงกัน แต่ก็มีข้อดีต่างกันคนละแบบ ดังนี้
- การรับสินค้าเอง ตัดต้นทุนค่าส่งช่วงสุดท้ายทิ้งไปเลย โดยร้านค้าหยิบของจากสต็อกที่มีแล้วยื่นให้ลูกค้าที่จุดจอดรถ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมน้ำมันหรือค่าจ้างคนขับ
- บริการจัดส่งในพื้นที่ ชนะในสถานการณ์ที่ความเร็วสำคัญกว่าราคา ลองนึกภาพคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องประชุม Zoom ต่อเนื่องโดยมีลูกป่วยอยู่ที่บ้าน การจ่ายค่าส่ง 200-300 บาทเพื่อให้ของมาส่งใน 2 ชั่วโมง ย่อมคุ้มกว่าการเสียเวลางาน ต้องจับลูกนั่งคาร์ซีท แล้วไปต่อคิวซื้อของเอง
💡ข้อคิด: ควรมีทั้งบริการรับสินค้าเองและจัดส่งในพื้นที่ แต่ให้เน้นการรับสินค้าเองเป็นหลักเพื่อกำไรและดึงคนเข้าร้าน ส่วนการจัดส่งให้มองว่าเป็นตัวเลือกเสริมเพื่อรักษาลูกค้ากระเป๋าหนักให้อยู่กับเรา
เช็กลิสต์การเปิดใช้ระบบสั่งออนไลน์รับที่ร้านใน Shopify
ตั้งค่าการรับสินค้าที่ร้านในหน้า Admin
ในการตั้งค่าระบบนี้ คุณต้องมีอย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งที่ตั้งที่พร้อมส่งออเดอร์ออนไลน์ เมื่อมีพร้อมแล้ว ให้ดำเนินการดังนี้
- เปิด Settings > Shipping and delivery
- ค้นหา Pickup in store
- เลือกสาขาที่ลูกค้าสามารถไปรับสินค้าได้
- กำหนดเวลาประมวลผลสำหรับการรับสินค้าในร้าน
- ปรับแต่งข้อความแจ้งเตือน "Ready for pickup"
- ดูตัวอย่างหน้าชำระเงิน
- คลิก Save
📚ต้องการคำแนะนำการตั้งค่าแบบทีละขั้นตอนแบบเต็ม? ทำตามคู่มือการรับสินค้าในร้านของ Shopify สำหรับการเปิดใช้งานสถานที่ การถ่ายโอนร้านค้า และการสลับใช้แอปเสริม (สำหรับร้านค้า Plus)
การมองเห็นสต็อกสินค้าและสินค้าสำรอง
หัวใจสำคัญของการรับสินค้าที่ร้าน คือการมองเห็นสต็อกสินค้าแบบเรียลไทม์เป็นหนึ่งเดียวในทุกช่องทาง ระบบ Unified Commerce ของ Shopify จะดึงข้อมูลสต็อก ใบสั่งซื้อซัพพลายเออร์ และยอดขายมารวมไว้ที่เดียว เพื่อให้มั่นใจว่าสต็อกที่ลูกค้าเห็นออนไลน์ตรงกับที่มีอยู่จริงในทุกช่องทางการขาย
จากนั้น ใช้กลยุทธ์เหล่านี้เพื่อรักษาคำมั่นสัญญานั้น
- เปิดใช้งานสินค้าคงคลังสำหรับสินค้าจากหลายตำแหน่งที่ตั้ง: แต่ละสาขาจะแสดงจำนวนสินค้าที่มีอยู่จริงของตัวเองเพื่อป้องกันการขายเกิน (Oversells)
- ใช้การถ่ายโอนร้านค้าสำหรับสินค้าที่หมด: เลือกสาขาสำรองที่สามารถส่งสินค้าไปยังสาขาปลายทางได้อัตโนมัติ และกำหนดเวลาเตรียมสินค้านานขึ้น (เช่น "พร้อมรับใน 2-4 วัน") เมื่อต้องมีการโอนย้าย
- ยกเว้นสินค้าชิ้นใหญ่หรือมีข้อจำกัดด้วยบริการรับสินค้า: เพื่อไม่ให้ระบบสัญญาว่าจะให้รับสินค้าบางอย่างที่ขนย้ายไม่ได้
- กันสต็อกสำรอง: ปกติจะอยู่ที่ 5% ถึง 10% สำหรับสินค้าขายดี เพื่อสำรองไว้สำหรับออเดอร์รอรับที่ร้าน
- ตรวจสอบรายงาน "Days of inventory remaining" รายสัปดาห์: และทำเรื่องโอนย้ายสินค้าด้วยตัวเองล่วงหน้าก่อนช่วงขายดี
ถ่ายโอนร้านค้าจากแดชบอร์ด Shopify POS ของคุณ
การจัดการคำสั่งซื้อและการแจ้งเตือน
ระบบอัตโนมัติช่วยให้คุณและทีมงานไม่ต้องจมอยู่กับงานจุกจิก Shopify Flow เป็นเครื่องมือที่มีให้ผู้ใช้ Shopify ทุกคน เพื่อช่วยทำภารกิจและกระบวนการต่างๆ ในร้านและแอปร่วมให้เป็นอัตโนมัติ คุณสามารถสร้างเวิร์กโฟลว์เองได้ เพื่อปรับปรุงระบบสั่งออนไลน์รับที่ร้านให้ราบรื่น
ตัวอย่างการใช้ Shopify Flow
- ติดแท็กออเดอร์หรือแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อมีคำสั่งซื้อแบบรับที่ร้านเข้ามา
- ส่งสัญญาณเตือนพนักงานเมื่อออเดอร์พร้อมให้ลูกค้ามารับ
- จัดการปรับสต็อกสินค้าอัตโนมัติเมื่อออเดอร์ถูกส่งมอบเรียบร้อย
- ส่งข้อความแจ้งเตือนลูกค้าอัตโนมัติเกี่ยวกับสถานะออเดอร์และวิธีรับสินค้า
หากต้องการตั้งค่า ให้สร้างเวิร์กโฟลว์ใน Shopify Flow โดยใช้ Triggers (ตัวกระตุ้น), Conditions (เงื่อนไข) และ Actions (การกระทำ) ที่เหมาะกับกระบวนการของคุณ หากต้องการตัวช่วยตัดสินใจหรือดูตัวอย่างว่าตั้งค่าง่ายแค่ไหน ลองเข้าไปดูที่ ตัวอย่างและเทมเพลต Shopify Flow
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับที่จอดรถและป้ายบอกทาง
อย่าลืมลานจอดรถของคุณ เพราะนี่คือจุดสัมผัสแรกที่ลูกค้าเจอหน้าร้านจริงๆ ดังนั้นต้องทำให้ลูกค้าเห็นชัดเจนว่าจะรับของตรงไหน โดยไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดหรือจอดไกลเกินไป
วิธีนำทางง่ายๆ และการแจ้งเตือนอัจฉริยะที่ช่วยลดเวลารอ มีดังนี้
- สำรองช่องจอดแบบทแยงและมีหมายเลข ใกล้ประตูบริการ เพื่อให้ป้ายเดียวมองเห็นได้จากสองฝั่ง และพนักงานเดินน้อยลง
- ใช้ป้ายที่มีความคมชัดสูง พร้อมคำสั่งเดียวสั้นๆ (เช่น "ส่งข้อความ 'Bay 3' มาที่ 555-1234") เพื่อไม่ต้องให้ลูกค้าเดา
- เปิดใช้การแจ้งเตือนเมื่อมาถึงด้วย Geofence: เชื่อมต่อแพลตฟอร์มระบุตำแหน่ง เพื่อให้พนักงานเห็นเวลานับถอยหลังแบบเรียลไทม์ว่าลูกค้าจะถึงช่องจอด Bay 3 ตอนไหน ไม่ต้องโทร ไม่ต้องพิมพ์ แค่เตรียมของ เดินออกไป แล้วส่งมอบได้เลย
การวัดผลจาก KPI
Shopify มีระบบวิเคราะห์ข้อมูลละเอียดสำหรับทุกออเดอร์ แต่แดชบอร์ดจะช่วยได้ก็ต่อเมื่อคุณรู้ว่า "ความสำเร็จ" หน้าตาเป็นอย่างไร ให้ติดตาม 2 ตัวชี้วัดนี้เพื่อดูว่าระบบสั่งออนไลน์รับที่ร้านราบรื่นจริงไหม
เวลาเฉลี่ยในการรับสินค้า
ลูกค้าให้คะแนนความพึงพอใจจากระยะเวลาที่ต้องรอ งานวิจัยปี 2024 จาก Waitwhile พบว่า 80% ของลูกค้าจะหลีกเลี่ยงร้านค้าถ้าเห็นว่ามีคิว กำหนด KPI นี้จากเวลาตั้งแต่ลูกค้ามาถึงจนได้รับของ เป้าหมายควรเป็นดังนี้
- โซนความประทับใจ: ต่ำกว่า 2 นาที
- ยอมรับได้: ต่ำกว่า 4 นาที
นทึกเหตุการณ์ตอนลูกค้ามาถึง (ผ่านการกดปุ่มหรือ Geofence) และตอน "รับสินค้าแล้ว" จากนั้นเก็บข้อมูลลงรายงานเพื่อดูว่ามีกี่ออเดอร์ที่ใช้เวลาเกินเกณฑ์ที่ยอมรับได้
อัตราการซื้อพ่วง / ยอดขายเพิ่ม
การสั่งออนไลน์รับที่ร้านสามารถเพิ่มรายได้ผ่านการขายเพิ่ม เช่น ถ้าลูกค้ามารับของขวัญให้คนอื่น คุณอาจแนะนำขนมให้เขาซื้อทานเองหรือบริการห่อของขวัญ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าออเดอร์ไว้ที่ 15% ถึง 20% ลองใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อเพิ่มอัตราการซื้อพ่วง:
- วางสินค้าของที่ตัดสินใจซื้อง่ายๆ (ราคาต่ำกว่า 100 บาท) ไว้ใกล้มือที่เคาน์เตอร์รับสินค้า
- เพิ่มประโยคขายของสั้นๆ ใน SMS แจ้งเตือน "พร้อมรับสินค้า" เช่น "ต้องการห่อของขวัญไหม? แจ้งเราตอนมาถึงได้เลย"
- แจกรหัสส่วนลดเฉพาะลูกค้าที่มารับสินค้าที่ร้าน แล้วติดตามยอดการใช้สิทธิ์เพื่อดูยอดขายส่วนเพิ่ม
ใช้ส่วนลดที่หน้าชำระเงินด้วย Shopify POS
ตัวอย่างและกรณีศึกษาในอุตสาหกรรม
ร้านขายของชำ
ร้านชำทั่วโลกใช้ระบบสั่งออนไลน์รับที่ร้านเพื่อรักษาผลกำไรและตัดปัญหาค่าน้ำมัน
- เครือข่ายจุดรับสินค้า 3,000 แห่งของ Kroger: ในไตรมาส 4 ปี 2024 เครือนี้มียอดขายดิจิทัลเติบโต 11% โดยการรับสินค้าและการจัดส่งเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ปัจจุบันบริการนี้มีครอบคลุมทุกสาขาในภูมิภาค
- กระแสทั่วโลก: ยอดขายจากการรับสินค้าที่ร้านและการจัดส่งถึงบ้าน มีสัดส่วนเกือบเท่ากันในตลาดค้าปลีกอาหารออนไลน์ของสวีเดน
- หลักฐานระดับภูมิภาค: United Supermarkets ในเท็กซัส มียอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 250% เมื่อเทียบปีต่อปี หลังจากเปิดช่องจอดรับสินค้าและเพิ่มพนักงานเป็นสองเท่าเพื่อรองรับบริการนี้
ร้านค้าปลีกเฉพาะทาง
การสั่งออนไลน์รับที่ร้านเปลี่ยนหน้าร้านให้เป็นศูนย์กระจายสินค้า
- Honey Hair: แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเริ่มจากตั้งจุดรับสินค้าแบบ Pop-up ในร้านกาแฟ แล้วพัฒนาสู่ระบบรับสินค้าอัตโนมัติด้วย Shopify POS หลังจากนั้นไม่นาน การรับสินค้าที่ร้านก็ครองสัดส่วน 25% ของยอดขายออนไลน์ และช่วยให้ยอดขายหน้าร้านเติบโต 245% จนผู้ก่อตั้งสามารถเปิดเพิ่มได้อีก 2 สาขา
- Lola’s Cupcakes: ร้านเบเกอรี่จากอังกฤษมีเครือข่ายหน้าร้านและจุดรับสินค้า เพื่อรองรับออเดอร์สั่งออนไลน์รับที่ร้านโดยเฉพาะ
- Our Place: แบรนด์เครื่องครัวที่มีสาขาเรือธงในเวนิส แคลิฟอร์เนีย ให้บริการรับสินค้าที่ร้าน ในช่วงเวลาทำการ
Our Place เสนอบริการสั่งออนไลน์รับที่ร้านในเวนิส แคลิฟอร์เนีย
เทรนด์ในอนาคตของการสั่งออนไลน์รับที่ร้าน
ตู้อัจฉริยะกำลังเป็นที่นิยม
เครือข่ายตู้ล็อกเกอร์กำลังมาแรงสุดๆ LockBox มีตู้ล็อกเกอร์ให้บริการหลายจุดทั่วกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ
ตู้ล็อกเกอร์ยังตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืนที่กำลังเติบโตไม่หยุด ผลสำรวจปี 2024 ของ Sendcloud ระบุว่า 45% ของนักช้อปออนไลน์เรียกตู้ล็อกเกอร์ว่าเป็น "ทางเลือกที่รักษ์โลกกว่า" และ 53% คิดว่าผู้ค้าปลีกควรมีบริการนี้เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
แรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มงวดขึ้น
ทั้งเมืองใหญ่และนักช้อปต่างให้ความสำคัญกับการปล่อยมลพิษจากการขนส่ง World Economic Forum เตือนว่าการปล่อยมลพิษจากการขนส่งในเมืองอาจพุ่งสูงขึ้นถึง 60% ภายในปี 2030 หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจทำให้อายุขัยเฉลี่ยลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
ตู้ล็อกเกอร์และบริการรับสินค้าที่ร้านช่วยได้ งานวิจัยในนอร์เวย์ชี้ให้เห็นว่าการส่งพัสดุผ่านตู้ล็อกเกอร์ช่วยลดก๊าซคาร์บอนได้ถึง 30% อีกการศึกษาหนึ่งในนอร์เวย์พบว่า 60% ของลูกค้าใช้วิธีเดินหรือปั่นจักรยานเมื่อไปรับสินค้าที่ตู้ล็อกเกอร์หรือร้านค้า ขณะที่มีเพียง 26% เท่านั้นที่ใช้รถยนต์
คีออสก์รับสินค้าอัตโนมัติเพื่อลดเวลารอ
Kmart ออสเตรเลียได้บุกเบิกคีออสก์หุ่นยนต์ในปี 2023 และสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ลูกค้าเพียงสั่งของออนไลน์ เดินทางไปที่ร้าน กดรหัสคำสั่งซื้อ แล้วหุ่นยนต์ก็จะดึงตะกร้าสินค้าออกมาวางบนถาดให้
ชาวออสซี่ต่างพากัน "เห่อ" เทคโนโลยีใหม่นี้อย่างรวดเร็ว ถึงขนาดโพสต์ลง TikTok กันเลยทีเดียว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสั่งออนไลน์รับที่ร้าน
จุดประสงค์ของการสั่งออนไลน์รับที่ร้านคืออะไร
การสั่งออนไลน์รับที่ร้านช่วยตัดขั้นตอนการขนส่งช่วงสุดท้าย ที่ทั้งแพงและเสียเวลาออกไป ทำให้ลูกค้าได้ของเร็วขึ้น พวกเขาไม่ต้องเสียค่าส่งและไม่ต้องเสี่ยงกับพัสดุหาย ส่วนผู้ค้าปลีกก็รักษาผลกำไรไว้ได้ แถมยังมีโอกาสขายของเพิ่ม ตอนที่ลูกค้ามารับของที่ร้านด้วย
การสั่งออนไลน์รับที่ร้านมีลักษณะอย่างไร
ตอนชำระเงิน ลูกค้าเลือก "รับสินค้าที่ร้าน" (หรือตัวเลือกตู้ล็อกเกอร์/จุดจอดรับสินค้า) เลือกสาขา แล้วกดสั่งซื้อ จากนั้นจะได้รับอีเมล ข้อความ หรือการแจ้งเตือนผ่านแอปของร้านเพื่อยืนยัน พอร้านค้ากดสถานะว่า "พร้อมรับสินค้า" ลูกค้าก็เดินทางไปที่ร้าน แสดงรหัสรับสินค้าหรือบัตรประชาชน แล้วรับของไปได้เลย
การสั่งออนไลน์รับที่ร้านเชื่อถือได้มั้ย
เชื่อถือได้แน่นอน ผู้ค้าปลีกรายใหญ่และร้านค้ารายย่อยถึงขนาดกลางหลายพันแห่งใช้ระบบนี้ทุกวัน ความน่าเชื่อถือเกิดจากการเชื่อมข้อมูลสต็อกแบบเรียลไทม์และการแจ้งเตือน "พร้อมรับ" แบบอัตโนมัติ เมื่อมีระบบเหล่านี้ ออเดอร์แบบรับเองจะพร้อมส่งมอบตรงเวลา และมีอัตราความเสียหายหรือสูญหายน้อยกว่าการส่งพัสดุเสียอีก
ข้อเสียของการสั่งออนไลน์รับที่ร้านมีอะไรบ้าง
สินค้าบางอย่างอาจไม่รองรับการรับที่ร้าน ทำให้ลูกค้าต้องแยกออเดอร์ถ้ามีสินค้าบางชิ้นต้องใช้วิธีจัดส่ง นอกจากนี้ การรับสินค้ายังทำได้เฉพาะช่วงเวลาทำการของร้าน และลูกค้าต้องเดินทางไปที่ร้านเอง ซึ่งบางครั้งก็ไม่สะดวกเท่าไหร่


