กระแส DIY กำลังกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ครีเอเตอร์ใน TikTok โด่งดังจากคลิปสอนทำของแฮนด์เมด YouTube เต็มไปด้วยวิดีโอฮาวทู และ Pinterest ก็ยังเติบโตต่อเนื่องแม้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น
แต่นอกเหนือจากเทรนด์บนโลกออนไลน์ การลงมือประดิษฐ์ของด้วยตัวเองยังมีประโยชน์จริงในชีวิตประจำวัน งานวิจัยพบว่าการใช้มือทำงานช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ลดความเครียด และเป็นการพักจากการจ้องหน้าจอที่ดี และสำหรับหลายคน งานอดิเรกสายสร้างสรรค์นี้ก็ค่อย ๆ กลายเป็นธุรกิจทำของแฮนด์เมดขายที่สร้างรายได้จริง
ถ้าคุณกำลังมองหาไอเดียทำของแฮนด์เมดขายอยู่ บอกเลยว่ามาถูกที่แล้ว บทความนี้จะพาไปดูสินค้างานแฮนด์เมดที่กำลังเป็นเทรนด์ ตั้งแต่งานง่ายสำหรับมือใหม่ ไปจนถึงโปรเจกต์ขั้นก้าวหน้า พร้อมทิปส์เปลี่ยนแพสชันให้กลายเป็นรายได้ในแบบที่คุณควบคุมได้เอง
25 ไอเดียทำของแฮนด์เมดขายในปี 2025
ลิสต์ไอเดียทำของแฮนด์เมดขายนี้รวบรวมจากสินค้ายอดนิยมในร้านค้าออนไลน์ คาดการณ์จากแหล่งข้อมูลด้านงานฝีมือ และเทรนด์ที่กำลังมาแรงบนโซเชียลมีเดีย แต่นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ลองเดินดูงานคราฟต์แฟร์หรือลองเลื่อนฟีด TikTok และ Pinterest คุณอาจเจอไอเดียใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน และเมื่อคุณเจอโปรเจกต์ที่ใช่ ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มทำของแฮนด์เมดขายออนไลน์ได้
งานแฮนด์เมด หมวดของแต่งบ้าน
- พรมทัฟต์และแผ่นรองพื้น
- ของแต่งบ้านแบบทอมือ
- งานแขวนผนังแมคคาเม่
- ของวินเทจนำกลับมาแต่งใหม่
- ป้ายไม้เพนต์มือ
- เฟอร์นิเจอร์เก่าตกแต่งใหม่
- หมอนตกแต่ง
- พวงมาลัยตามฤดูกาล
1. พรมทัฟต์และแผ่นรองพื้น
หนึ่งในเทรนด์ที่ยังแรงต่อเนื่องคือการทำพรม โดยใช้เทคนิค hooking หรือ tufting ไม่ว่าจะเป็นการปักด้วยมือผ่าน punch needle หรือใช้ปืน tufting แบบไฟฟ้า คุณสามารถสร้างพรม แผ่นรองพื้น หรือแม้แต่งานศิลป์สิ่งทอสำหรับแขวนผนังในดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างอิสระ ครีเอเตอร์ระดับท็อปในสายนี้สามารถขายพรมขนาด 2×3 ฟุตได้ในราคาหลายพันบาท ซึ่งถือเป็นช่องทางทำของแฮนด์เมดขายที่มีกำไรไม่น้อย หากเจอกลุ่มลูกค้าที่ใช่
หนึ่งในแบรนด์ที่เติบโตจากกระแสนี้ตั้งแต่ช่วงแรกคือ Mush Studios ผู้ก่อตั้ง Jacob Winter เริ่มต้นจากการทำพรม tufting เป็นงานอดิเรกช่วงล็อกดาวน์ พร้อมถ่ายคลิปแชร์บน TikTok จนไวรัล และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา
2. ของแต่งบ้านแบบทอมือ
งานสิ่งทอทอกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ควบคู่ไปกับเทรนด์แต่งบ้านสไตล์มิดเซ็นจูรี งานแฮนด์เมดประเภทนี้ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริง เหมาะกับทุกระดับฝีมือ
การทอจะต้องเรียนรู้เทคนิคหลากหลายผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่ากี่ทอผ้า หากคุณเพิ่งเริ่มต้น วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้กี่ทอผ้าแบบกรอบไม้ (frame loom) ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือ และหากคุณมีพื้นที่และงบมากพอ การลงทุนในกี่ทอผ้าแบบตั้งพื้นจะเปิดโอกาสให้คุณสร้างสรรค์งานทอที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูงขึ้นได้
ไม่ว่าคุณจะใช้กี่ประเภทไหน ทั้งสองแบบก็สามารถใช้ทำงานแฮนด์เมดอย่างพรมแขวนผนัง (tapestry) หรืองานตกแต่งทอมือได้ โดยใช้เส้นใยประเภทใดก็ได้ตามสไตล์ของคุณ แต่ถ้าต้องการขยับไปทำสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผ้าเช็ดมือ ผ้าห่ม หรือผ้าเช็ดปากแบบรียูส แนะนำให้ใช้กี่ตั้งพื้นร่วมกับเส้นด้ายคุณภาพดีที่เหมาะกับการใช้งานของแต่ละโปรเจกต์
Obakki คือแบรนด์ที่ทำงานร่วมกับช่างฝีมือในเม็กซิโก สร้างงานตกแต่งบ้านแฮนด์เมด เช่น พรมแขวนผนังที่สามารถสั่งทำตามขนาดเฉพาะได้

3. งานแขวนผนังแมคคาเม่
แมคคาเม่คืองานถักปมที่เริ่มฮิตมาตั้งแต่ยุควิกตอเรียน และกลับมาอีกครั้งในยุค 70s ต่างจากการทอผ้าที่ต้องใช้กี่ การทำของแฮนด์เมดขาย ด้วยการเลือกสินค้าที่ทำจากแมคคาเม่นั้นไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ซับซ้อน ทำให้ศิลปินหลายคนผสมผสานเทคนิคแมคคาเม่กับงานทอในโปรเจกต์แขวนผนังได้อย่างอิสระ ความพิเศษของแมคคาเม่อยู่ที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่มีไม้งานฝีมือ เส้นเชือกฝ้ายที่แข็งแรง และความตั้งใจนิดหน่อย ก็สามารถสร้างงานแฮนด์เมดที่ดูหรูมีสไตล์ได้แล้ว
นอกจากงานแขวนผนังตกแต่งบ้านแล้ว แมคคาเม่ยังนำไปใช้ทำของแต่งบ้านแบบใช้งานได้จริงด้วย หนึ่งในไอเดียยอดนิยมสำหรับมือใหม่คือกระถางแขวนแมคคาเม่ คำค้นหา “กระถางแขวน” เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2020 และยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูปลูกต้นไม้ต้นปี หากคุณทำแมคคาเม่ได้คล่องแล้ว ยังสามารถต่อยอดเป็นของแต่งบ้านอื่น ๆ ได้อีก เช่น ของประดับโต๊ะ ผ้ารองจาน หรือเครื่องประดับตกแต่งต่าง ๆ
สิ่งที่ทำให้งานแขวนผนังแมคคาเม่เป็นของแฮนด์เมดขายดี ก็คือความยืดหยุ่นในการออกแบบ คุณสามารถลองลวดลายใหม่ ๆ เพิ่มชายระบาย เพิ่มลูกปัด หรือย้อมสีเชือกแบบไล่เฉดเพื่อเพิ่มเอกลักษณ์ และยังปรับขนาดงานได้หลากหลาย ตั้งแต่ชิ้นเล็ก ๆ สำหรับตกแต่งจุดเล็กในบ้าน ไปจนถึงงานชิ้นใหญ่ที่ใช้เป็นจุดเด่นของผนัง เหมือนกับผลงานของ Zoco Home ชิ้นนี้
Zoco Home
4. ของวินเทจนำกลับมาแต่งใหม่
ถ้าคุณกำลังมองหาไอเดียทำของแฮนด์เมดขายที่ยั่งยืนและทำจากที่บ้านได้ การรีไซเคิลของวินเทจ (vintage upcycle) อาจเป็นคำตอบที่ใช่ กระบวนการนี้คือการนำเสื้อผ้าหรือของใช้มือสอง—ที่อาจมีรอยขาด รอยเปื้อน หรือดีไซน์ตกยุค—มาปรับโฉมให้กลายเป็นสินค้าชิ้นใหม่
เช่น ผ้ายาวจากกระโปรงแม็กซี่เก่าอาจนำมาตัดเย็บเป็นกระเป๋าผ้า เสื้อวินเทจซีดจางก็ตัดให้สั้นและย้อมสีใหม่ได้ หรือเสื้อยืดเก่าก็อาจกลายเป็นหมวกเด็กน่ารัก ๆ เทรนด์นี้เปิดกว้างให้คุณสร้างสรรค์ได้ไม่รู้จบ
ตัวอย่างเช่น Frankie Collective คือแบรนด์ที่นำเสื้อกีฬาและของวินเทจยุค 80s–90s มารีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าแนวใหม่ เช่น กางเกงขาสั้นและเสื้อครอป กลายเป็นของแฮนด์เมดขายที่ทั้งเก๋ เท่ และรักษ์โลกในเวลาเดียวกัน
Frankie Collective
5. ป้ายไม้เพนต์มือ
ป้ายไม้เพนต์มือเป็นอีกหนึ่งไอเดียทำของแฮนด์เมดขายที่เริ่มต้นง่าย และเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ของคุณให้กลายเป็นรายได้ คนส่วนใหญ่มักชอบของแต่งบ้านแบบเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นป้ายต้อนรับที่แขวนหน้าบ้าน คำพูดตลก ๆ ติดในครัว หรือป้ายชื่อติดในห้องเด็ก
ข้อดีคือไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงเลย ใช้เพียงแค่เศษไม้เก่า สีคุณภาพดี และมือที่มั่นคง ก็สามารถสร้างงานที่ดูมีคุณค่าและขายได้จริง
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มขาย แนะนำให้เริ่มจากดีไซน์เรียบ ๆ ที่ขายง่าย เช่น ฟอนต์สไตล์บ้านไร่ (farmhouse-style) หรือแนวมินิมอลแบบโมเดิร์น และยังสามารถเพิ่มยอดขายได้ด้วยการเปิดรับออร์เดอร์แบบสั่งทำหรือสร้างคอลเลกชันตามฤดูกาล
6. เฟอร์นิเจอร์เก่าตกแต่งใหม่
การแต่งเฟอร์นิเจอร์เก่าไม่ใช่แค่ทำกำไรได้ดี แต่ยังเป็นวิธีที่ยั่งยืนในการชุบชีวิตให้ของเก่ากลับมามีคุณค่า ตู้โบราณ โต๊ะกาแฟ หรือเก้าอี้ไม้หาง่ายมาก ทั้งจากร้านมือสอง งานขายของหน้าบ้าน หรือแม้แต่ข้างถนนวันทิ้งของ ลองขัดผิวเก่า ทาสีใหม่ แล้วเติมดีไซน์เก๋ ๆ เข้าไป ก็สามารถเปลี่ยนของเก่าให้กลายเป็นงานแฮนด์เมดขายราคาดีได้
เคล็ดลับคือรู้ว่าอะไรขายดี โทนสีเรียบ สไตล์โมเดิร์นฟาร์มเฮาส์ และอุปกรณ์เสริมที่ดูเรียบแต่มีสไตล์จะขายง่ายที่สุด ถ้าเพิ่มพื้นที่เก็บของเข้าไปได้ หรือมีลายเพนต์เก๋ ๆ ก็ยิ่งเพิ่มมูลค่าได้อีก อย่าลืมเริ่มจากชิ้นเล็ก ๆ เพื่อเรียนรู้แนวทาง และตั้งราคาที่สะท้อนถึงความตั้งใจและแรงที่คุณใส่ลงไป
7. หมอนตกแต่ง
หมอนตกแต่งเป็นไอเทมแฮนด์เมดที่ทำง่ายและมีมาร์จิ้นสูง เปลี่ยนบรรยากาศห้องได้ทันที คนส่วนใหญ่ชอบเปลี่ยนปลอกหมอนตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเย็บใหม่ทั้งหมดหรือใช้ปลอกหมอนสำเร็จรูป จุดสำคัญคือต้องเลือกผ้า สี และลายที่กำลังมาแรง เช่น ผ้าสีเอิร์ธโทน ผ้าลินินหรือผ้าหนาแบบ bouclé และลายสนุก ๆ สำหรับห้องเด็ก อย่างที่ The Pillow Drop ทำไว้
หากอยากให้สินค้าคุณโดดเด่น ลองเพิ่มลูกเล่นอย่างการปักชื่อ การเพนต์ผ้าด้วยมือ หรือคำพูดเฉพาะตัวลงไป และอย่าลืมคำนึงถึงเรื่องการจัดส่ง หมอนที่มีไส้ในอาจมีค่าส่งแพงกว่าการขายเฉพาะปลอกหมอนในขนาดมาตรฐาน ซึ่งช่วยลดต้นทุน และยังให้ลูกค้านำไปใช้กับไส้หมอนที่มีอยู่แล้วได้เลย
The Pillow Drop
8. พวงมาลัยตามฤดูกาล
พวงมาลัยตกแต่งเป็นสินค้ายอดฮิตที่ขายได้ตลอดปี เพราะมีดีมานด์เสมอ ลองนึกถึงพวงมาลัยวันหยุดในฤดูหนาว ลายดอกไม้สำหรับฤดูใบไม้ผลิ สไตล์ทะเลในช่วงหน้าร้อน หรือโทนอบอุ่นแบบรัสติกในฤดูใบไม้ร่วง พวงมาลัยเป็นงานที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ได้ง่ายและสามารถทำเป็นชุด ๆ ได้สะดวก อุปกรณ์ที่ต้องใช้ก็มีแค่ฐานพวง (แบบเถาองุ่น ลวด หรือโฟม), ดอกไม้ประดิษฐ์คุณภาพดี และปืนกาวร้อน
ถ้าอยากให้พวงมาลัยของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ต้องใส่ใจทั้งฝีมือและความคงทน ใช้ริบบิ้นที่มีโครงลวดเพื่อให้โบว์อยู่ทรงนาน ยึดชิ้นส่วนให้แน่นเพื่อไม่ให้หลุดร่วง และเสนอขนาดกับสไตล์หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่แตกต่างกัน และอย่าลืมว่าพวงมาลัยมักถูกแขวนไว้หน้าประตูบ้าน การเพิ่มลูกเล่นเฉพาะตัว เช่น ชื่อสกุลหรือเลขที่บ้าน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้อีกเยอะ
หมวดเครื่องประดับและแอ็กเซสซอรี
- กระเป๋าผ้า Tote
- เครื่องประดับเรซินและโพลิเมอร์เคลย์
- เครื่องประดับร้อยลูกปัด
- ผลิตภัณฑ์ความงามแฮนด์เมด
- ของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง
- เสื้อยืดสั่งทำพิเศษ
9. กระเป๋าผ้า Tote
นี่คือหนึ่งในไอเดียทำของแฮนด์เมดขายที่ปรับแต่งได้หลากหลายที่สุด เหมาะกับทุกระดับฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ หากคุณเพิ่งเริ่มต้น อาจใช้กระเป๋าผ้าคอตตอนเปล่าแล้วตกแต่งด้วยการสกรีนลาย เพนต์มือ ย้อมผ้า ปักชื่อ หรือแม้แต่ร้อยลูกปัด สำหรับสายแฮนด์เมดระดับโปร อาจเย็บกระเป๋าเองตั้งแต่ต้นแบบ ใส่ช่องกระเป๋า ฝาปิด หรือดีเทลต่าง ๆ เพื่อให้แต่ละใบไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ยังสามารถแตกไลน์ไปยังกระเป๋าประเภทอื่น ๆ ได้ด้วย เช่นตัวอย่างจากแบรนด์ Psychic Outlaw ที่รีไซเคิลผ้านวมวินเทจให้กลายเป็นกระเป๋าเครื่องสำอางและกระเป๋าคาดเอว ลองคิดว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณต้องการกระเป๋าแบบไหน แล้วออกแบบกระเป๋าของคุณโดยยึดจากการใช้งานจริงเป็นหลัก
Psychic Outlaw
10. เครื่องประดับเรซินและโพลิเมอร์เคลย์
ถ้าคุณชอบงานชิ้นเล็กที่เน้นรายละเอียด เครื่องประดับจากเรซินและโพลิเมอร์เคลย์คืองานแฮนด์เมดที่น่าทำและขายได้ดี
วัสดุเหล่านี้เปิดโอกาสให้คุณสร้างเครื่องประดับตั้งแต่ต่างหูดอกไม้ดีไซน์ละเอียด ไปจนถึงจี้แนวอาร์ตแบบจัดเต็ม โดยไม่ต้องใช้โลหะหรืออัญมณีราคาแพง โพลิเมอร์เคลย์สามารถขึ้นรูปเป็นชิ้นงานเบา ๆ สีสันสดใส ส่วนเรซินสามารถใช้ฝังดอกไม้แห้ง เกล็ดทอง หรือภาพวาดจิ๋วเพื่อให้ได้เอฟเฟกต์ใสราวกับแก้ว เหมือนกับงานออกแบบของ Toolally ที่เห็นด้านล่าง
ถ้าอยากให้แบรนด์ของคุณโดดเด่น ควรเน้นที่ดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครและฝีมือที่ประณีต การจัดขายเป็นคอลเลกชันตามธีม เช่น โทนสีตามฤดูกาล ลายจักรวาล หรือแรงบันดาลใจจากป๊อปคัลเจอร์ ก็สามารถช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำได้เช่นกัน
Toolally
11. เครื่องประดับร้อยลูกปัด
เครื่องประดับร้อยลูกปัดเป็นไอเทมแฮนด์เมดที่ไม่มีวันตกเทรนด์ และยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการขายแฟชั่นทำมือในราคาที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าจะทำเป็นกำไลข้อมือ ข้อเท้า หรือสร้อยคอแบบจัดเต็ม ลูกปัดช่วยให้คุณออกแบบได้หลากหลาย ตั้งแต่สไตล์มินิมอลเรียบหรู ไปจนถึงลวดลายสดใสมีสีสัน
เคล็ดลับในการขายเครื่องประดับประเภทนี้คือการหา “จุดขายเฉพาะตัว” เช่น กำไลชื่อเฉพาะตัวตามสั่ง เครื่องประดับตามเดือนเกิด หรือสายคล้องบัตรทำงานที่ตกแต่งด้วยลูกปัด—สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ร้านของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง วัสดุที่ใช้ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะถ้าทำกำไลแบบยืด ควรใช้เชือกที่ทนทาน มีคุณภาพดี และถ้าต้องการให้สินค้าดูพรีเมียมขึ้น แนะนำให้ใช้ลูกปัดหินแท้ ไข่มุกน้ำจืด หรือแก้วคุณภาพสูง แทนการใช้พลาสติก
12. ผลิตภัณฑ์ความงามแฮนด์เมด
ถ้าคุณชอบใช้วัตถุดิบธรรมชาติ งานแฮนด์เมดที่เหมาะจะทำขายแบบสุด ๆ ก็คือผลิตภัณฑ์ความงาม เช่น สบู่บาธบอมบ์ สครับขัดผิว และลิปบาล์ม ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่มีดีมานด์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อใช้ส่วนผสมที่ดีต่อผิวอย่างเชียร์บัตเตอร์ น้ำมันหอมระเหย หรือพืชสมุนไพร และด้วยความที่เป็นสินค้าสิ้นเปลือง ลูกค้าที่ชื่นชอบก็มักจะกลับมาซื้อซ้ำ
ลูกค้าหลายกลุ่มยังมองหาทางเลือกที่ “ธรรมชาติ” “วีแกน” หรือ “ไร้น้ำหอม” ดังนั้นการมีสินค้าหลายแบบไว้ตอบโจทย์ความต้องการที่ต่างกัน จะช่วยเพิ่มโอกาสขายได้มากขึ้น เรื่องแพ็กเกจก็สำคัญไม่แพ้กัน บรรจุภัณฑ์เรียบง่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมช่วยให้สินค้าดูหรูขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนมาก และถ้าคุณจะขายออนไลน์ อย่าลืมศึกษากฎหมายหรือข้อกำหนดด้านเครื่องสำอางในประเทศไทยให้ชัดเจนก่อนเริ่มขาย เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าของคุณปลอดภัยและถูกต้องตามกฎระเบียบ
13. ของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง
เจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มักอยากให้สัตว์ของตัวเองได้รับสิ่งที่ดีที่สุด จึงไม่แปลกที่ของแฮนด์เมดสำหรับสัตว์เลี้ยงจะกลายเป็นไอเดียธุรกิจที่น่าทำและขายได้ดี
ไอเทมยอดฮิต เช่น ผ้าโพกคอ โบว์ติดปลอกคอ ปลอกคอแฟชั่น หรือที่นอนนุ่ม ๆ สำหรับน้องหมาน้องแมว—all ทำได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง
ความพิเศษที่ทำให้สินค้าประเภทนี้ขายดีคือ “การปรับแต่งเฉพาะตัว” ไม่ว่าจะเป็นป้ายชื่อสัตว์เลี้ยงแบบสลักชื่อ ผ้าโพกคอปักอักษร หรือดีไซน์เฉพาะสายพันธุ์ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ร้านคุณแตกต่างจากแบรนด์ทั่วไป และถ้าคุณอยากขยายกลุ่มสินค้าเพิ่มเติม อาจลองทำของเล่นสัตว์เลี้ยงแฮนด์เมด หรือขนมสุนัขสูตรธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจไม่น้อย
Pets of Ponsonby
14. เสื้อยืดสั่งทำพิเศษ
หากคุณมีเครื่อง Heat press หรือชุดสกรีนลายเสื้อ การทำเสื้อยืดสั่งทำพิเศษคืออีกหนึ่งไอเดียทำของแฮนด์เมดขายที่คุ้มค่าและเริ่มต้นได้ง่าย แม้แต่การใช้เครื่องตัดไวนิลอย่าง Cricut machine ร่วมกับแผ่นรีดลาย ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง
เคล็ดลับในการขายเสื้อยืดแบบคัสตอมคือการหา “กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน” แทนที่จะพยายามขายให้ทุกคน ลองเจาะจงไปที่คนรักสัตว์ ครู เกมเมอร์ หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก การเพิ่มความเป็นส่วนตัว เช่น การใส่ชื่อหรือลายข้อความเฉพาะ ก็ช่วยให้ขายได้ง่ายขึ้น
และถ้าคุณสนใจออกแบบเสื้อยืดแต่ไม่อยากลงมือผลิตเองทั้งหมด อาจใช้บริการพิมพ์ตามสั่ง (print-on-demand) เพื่อขายลายที่คุณออกแบบผ่านร้านออนไลน์ก็ได้เช่นกัน
ทำของแฮนด์เมดขายในหมวดงานจากกระดาษและผ้า
15. ดอกไม้กระดาษ
ดอกไม้กระดาษเป็นหนึ่งในของแฮนด์เมดที่ทำง่ายและขายได้ดี แถมยังต่อยอดเป็นธุรกิจขนาดเล็กได้จริง ตลาดบริการจัดงานแต่งงานทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึงกว่า 420 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 ซึ่งดอกไม้กระดาษที่นำไปใช้ตกแต่งงานหรือถ่ายภาพสามารถเป็นหนึ่งในส่วนแบ่งตลาดนี้ได้
การวางตำแหน่งสินค้าเป็นของตกแต่งที่โดดเด่นในงานแต่งหรืออีเวนต์สำคัญจะช่วยเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคุณเริ่มต้นจากเทมเพลตและวิดีโอสอนที่มีให้ใช้ฟรีมากมายบนโลกออนไลน์ ดอกไม้กระดาษยังจัดเป็นคราฟต์ที่ต้นทุนเริ่มต้นต่ำมากเมื่อเทียบกับสินค้าแฮนด์เมดประเภทอื่น
Brittany Watson Jepsen คือหนึ่งในตัวอย่างผู้สร้างรายได้จากงานประเภทนี้ เธอเริ่มจากการเป็นบล็อกเกอร์และครีเอเตอร์ ก่อนจะขยายแบรนด์ The House That Lars Built ให้กลายเป็นธุรกิจคราฟต์ออนไลน์ โดยเฉพาะชุดดอกไม้กระดาษ DIY ที่ขายดีในกลุ่มผู้ติดตาม และต่อมาก็เปิดขายชุดคิทให้คนทั่วไปสามารถทำตามได้จากที่บ้าน
The House That Lars Built
16. การย้อมผ้า
การย้อมผ้าสไตล์ Tie-dye กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งตั้งแต่ยุค 90s และปรากฏอยู่ในคอลเลกชันของแบรนด์แฟชั่นตั้งแต่รองเท้าผ้าใบไปจนถึงชุดชั้นใน งานแฮนด์เมดแนวนี้ทำง่ายจากที่บ้าน ใช้อุปกรณ์น้อย และไม่ต้องมีทักษะขั้นสูง
คุณสามารถซื้อเสื้อยืดเปล่ามาย้อมขายเป็นล็อต หรือย้อมผ้าแล้วนำไปเย็บเป็นสินค้าที่ไม่ซ้ำใครก็ได้ ขึ้นอยู่กับระดับฝีมือของคุณ ลองเพิ่มลูกเล่นด้วยเทคนิคดั้งเดิมอย่างชิโบริ (Shibori) ซึ่งเป็นวิธีย้อมต้านสีจากญี่ปุ่นที่ใช้ครามธรรมชาติ กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในกลุ่มงานแฮนด์เมดรักษ์โลก
17. ของใช้จากงานควิลต์
งานควิลต์เป็นหนึ่งในการทำของแฮนด์เมดขายที่ไม่เคยตกยุค ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่มต่อผ้า ปลอกหมอนตกแต่ง พรมแขวนผนัง กระเป๋าผ้า หรือแม้แต่เสื้อแจ็กเก็ตควิลต์ ผู้คนยังคงหลงรักงานเย็บที่ให้ความรู้สึกทั้งวินเทจและคุณภาพสูง และคุณไม่จำเป็นต้องทำผ้านวมขนาดใหญ่ก็สามารถขายได้ ไอเทมชิ้นเล็กอย่างที่รองแก้ว ผ้าห่มเด็ก หรือผ้าปูโต๊ะ ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และผลิตง่ายกว่า
เนื่องจากงานควิลต์ใช้เวลาพอสมควร การตั้งราคาควรสะท้อนถึงความพยายามและวัสดุที่ใช้ โดยเฉพาะหากคุณเลือกใช้ผ้าคุณภาพดีเพื่อให้งานออกมาสมราคา
18. งานปักผ้าแฮนด์เมด
งานปักคือเทคนิคที่เพิ่มความรู้สึกพิเศษให้ของใช้ธรรมดา จึงเป็นอีกหนึ่งงานแฮนด์เมดที่ขายได้ดี โดยเฉพาะงานปักชื่อ อักษรย่อ หรือวันที่สำคัญ ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มของขวัญเฉพาะตัว
เพราะการปักเป็นงานละเอียด ใช้เวลามาก การโฟกัสที่ชิ้นเล็กแต่มีมูลค่าสูงจะคุ้มที่สุด เช่น ปักชื่อลูกบนห่วงไม้แขวนในห้องเด็ก ผ้าเช็ดหน้าเจ้าบ่าว หรือภาพเส้นลายมินิมอล และถ้าคุณอยากเพิ่มปริมาณการผลิต เครื่องปักผ้าสามารถช่วยให้คุณขยายงานโดยไม่เสียความรู้สึกของงานแฮนด์เมด
ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถออกแบบลายปักแล้วใช้เครื่องทำเป็นแผ่นปะติด (iron-on patches) ขายได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาปักมือทีละชิ้น
Abask
หมวดผลิตภัณฑ์กลิ่นหอมและสุขภาพ
19. ผลิตภัณฑ์น้ำหอมสำหรับบ้าน
ถ้าคุณชอบในการทำของหอมแต่ไม่อยากทำเทียน ยังมีผลิตภัณฑ์อีกมากมายที่ทำง่ายและขายดีไม่แพ้กัน เช่น น้ำมันหอมระเหยแบบก้านไม้ (reed diffusers), แว็กซ์เมลต์, สเปรย์ฉีดห้อง หรือสมุนไพรต้มเพื่อกลิ่นหอมในบ้าน—all ให้กลิ่นยาวนานโดยไม่ต้องจุดไฟ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อยากให้บ้านมีกลิ่นหอมแต่ต้องการทางเลือกที่ปลอดภัยหรือดูแลง่าย
ทำของแฮนด์เมดขายด้วยการสร้างกลิ่นตามฤดูกาล เช่น กลิ่นสนสดในฤดูหนาว หรือกลิ่นซิตรัสผสมสมุนไพรในฤดูร้อน จะช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้ตลอดปี และหากคุณขายออนไลน์ การเขียนคำอธิบายกลิ่นอย่างละเอียด เช่น “ลาเวนเดอร์และวานิลลาผสมกลิ่นซีดาร์วูดบาง ๆ” จะช่วยให้ลูกค้ารู้ชัดว่ากลิ่นเป็นแบบไหนก่อนตัดสินใจซื้อ
20. เทียนหอมแฮนด์เมด
เทียนหอมเป็นหนึ่งในของแฮนด์เมดที่ทำง่ายที่สุดและขายดีออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์งานคราฟต์มาก่อนก็เริ่มได้ และยังเป็นสินค้าที่ตลาดต้องการอย่างต่อเนื่อง ตลาดกลิ่นหอมสำหรับบ้านคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 38.41 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2032
คุณสามารถเริ่มจากชุดทำเทียนพื้นฐานและทดลองผสมกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยลงในไขเทียนที่ละลายอยู่ ไอเดียในการสร้างความแตกต่างก็มีหลากหลาย เช่น การใช้ภาชนะและทรงเทียนไม่เหมือนใครแบบ Yui Brooklyn การสร้างแบรนด์แบบโดดเด่นอย่าง Boy Smells การเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางแบบ Scent & Fire หรือการผสมกลิ่นแปลกใหม่อย่างที่ Frostbeard ทำ ทั้งหมดคือโอกาสสร้างแบรนด์ของแฮนด์เมดกลิ่นหอมให้เกิดในตลาดนี้
Yui Brooklyn
21. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากธรรมชาติ
ผู้คนเริ่มใส่ใจมากขึ้นกับสิ่งที่ใช้บนผิวของตัวเอง ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากธรรมชาติกลายเป็นอีกหนึ่งไอเดียทำของแฮนด์เมดขายที่มาแรง ตั้งแต่บอดี้บัตเตอร์เนื้อละเอียด น้ำมันบำรุงผิวหน้าสมุนไพร ไปจนถึงสครับขัดผิว มีตลาดใหญ่รองรับสำหรับสินค้าแนวนี้ โดยเฉพาะเมื่อใช้วัตถุดิบที่เรียบง่ายและคุณภาพดี
หัวใจของความสำเร็จคือ “ความโปร่งใส” ลูกค้าต้องการรู้ว่าสินค้าแต่ละชิ้นมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ดังนั้นการแสดงส่วนผสมอย่างชัดเจนและสื่อสารแบบตรงไปตรงมาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ การมีตัวเลือกที่ไร้น้ำหอม หรือสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่กว้างขึ้น
หมวดงานคราฟต์และงานศิลปะสุดยูนีค
22. ของทำจากขนสัตว์ปั้นมือ
นีดเดิลเฟลต์คืองานคราฟต์ที่ใช้ขนสัตว์ (wool) มาขึ้นรูปเป็นของใช้หรือของตกแต่ง โดยใช้เข็มปลายเรียวที่มีร่องเล็ก ๆ แทงซ้ำเข้าไปในขนสัตว์ ทำให้เส้นขนพันกันและจับตัวแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถขึ้นรูปเป็นชิ้นงานได้
เมื่อคุณฝึกจนคล่อง การทำของแฮนด์เมดขายจากงานประเภทนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในงานที่ทำง่ายและขายได้จริง ซึ่งตัวอย่างสินค้าที่ทำได้ก็มีตั้งแต่ลูกบอลนีดเดิลเฟลต์สำหรับใส่ในเครื่องอบผ้า ปลอกสบู่ ของประดับตกแต่ง ของเล่นสัตว์เลี้ยง ไปจนถึงตุ๊กตาสัตว์น่ารัก ๆ อย่างผลงานของ The General Bean ชิ้นนี้
The General Bean
23. ศิลปะแนวดิสโก้บอล
อีกหนึ่งงานแฮนด์เมดที่มาแรงในปี 2025 คือศิลปะแนวดิสโก้บอล หรือของตกแต่งที่ใช้กระจกโมเสกสะท้อนแสง เทรนด์เงากระจกแวววาวนี้เริ่มโผล่ให้เห็นทุกที่ ตั้งแต่รถเข็นบาร์ไปจนถึงของตกแต่งช่วงวันหยุด
คุณสามารถหาซื้อแผ่นกระจกโมเสกแบบมีกาวในตัวได้ง่ายตามร้านงานฝีมือหรือออนไลน์ แล้วนำไปตกแต่งสินค้าแฮนด์เมดของคุณให้สะท้อนแสงแบบลูกบอลดิสโก้ เทรนด์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มของแต่งบ้าน แต่จริง ๆ แล้วสามารถนำไปใช้ได้กับแทบทุกอย่าง
กระแสดิสโก้บอลยังลามไปถึงเทรนด์การแต่งหน้า โดยครีเอเตอร์ใน TikTok อย่าง Miryssa ก็ใช้แผ่นกระจกแบบติดได้ มาสร้างลุคแวววาวสุดโดดเด่นเช่นกัน
24. กระถางต้นไม้และเซรามิกอื่นๆ
กลุ่มคนรักต้นไม้เติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงโควิด-19 และธุรกิจที่ขายต้นไม้หรือของใช้สำหรับต้นไม้ก็ได้ประโยชน์เต็ม ๆ และเพราะการเลี้ยงต้นไม้เป็นกิจกรรมระยะยาว ธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องไปอีกหลายปี
แม้งานเซรามิกจะมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนและอุปกรณ์ เนื่องจากต้องใช้เตาเผาเฉพาะ (ที่เรียกว่า kiln) ซึ่งมีทั้งราคาสูงและใช้พื้นที่ แต่หลายชุมชนหรือสตูดิโอเซรามิกก็มีบริการให้เช่าเวลาเผางานได้
สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำของแฮนด์เมดขายง่าย ๆ กระถางแนวเซรามิกสามารถทำได้จากดินปั้นแห้ง (air clay) หรือปูนซีเมนต์เทใส่แม่พิมพ์ ซึ่งไม่ต้องใช้เตาเผา หรือถ้าคุณมีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ หรือสนใจลงทุน กระถางต้นไม้แบบพิมพ์ 3D ก็กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน
ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Rachel Acosta ที่เปลี่ยนสายงานแบบสุดตัว จากนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลมาเป็นศิลปินเครื่องปั้นดินเผา แบรนด์ของเธอ Glaze Me Pretty ขายกระถางต้นไม้และแจกันเซรามิก พร้อมสินค้าที่เผาแล้วอย่างจานชามและที่วางสบู่
Glaze Me Pretty
25. การ์ดอวยพรทำมือ
ในยุคที่ทุกอย่างกลายเป็นข้อความดิจิทัล การทำของแฮนด์เมดขายอย่างการ์ดอวยพรทำมือกลับให้ความรู้สึกพิเศษกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นการ์ดเพนต์มือ การ์ดที่ใช้เทคนิคแสตมป์ หรือการ์ดจากกระดาษตัดแบบมีดีไซน์ งานเหล่านี้ช่วยเปลี่ยนข้อความธรรมดาให้กลายเป็นของเก็บที่มีคุณค่า จุดเด่นอีกอย่างคือ การ์ดแฮนด์เมดน้ำหนักเบาและจัดส่งง่าย เหมาะกับการขายออนไลน์มาก
หากอยากให้การ์ดของคุณโดดเด่น แนะนำให้โฟกัสที่ดีไซน์สดใหม่และร่วมสมัย เช่น อารมณ์ขันแบบแสบ ๆ สไตล์มินิมอล หรือภาพวาดลายดอกไม้แบบอิลลัสเตรตที่สวยสะดุดตา ลายมือแบบตัวเขียนสมัยใหม่หรือคัลลิกราฟีแนวคลาสสิกก็ยังได้รับความนิยมเช่นกัน การ์ดตามเทศกาลหรือโอกาสพิเศษก็ช่วยให้ยอดขายสม่ำเสมอตลอดทั้งปี และถ้าอยากเพิ่มมูลค่า ลองเสนอขายแบบเป็นเซ็ต หรือเปิดให้ลูกค้าเลือกใส่ชื่อหรือข้อความเฉพาะตัวได้ เพื่อให้แต่ละใบเป็นของขวัญที่มีความหมายเฉพาะสำหรับผู้รับ
วิธีหาไอเดียทำของแฮนด์เมดขาย
หากคุณอยากทำของแฮนด์เมดขายให้ปัง จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือ “การรีเสิร์ชตลาด” การจับเทรนด์ให้ทันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณได้เปรียบในการแข่งขัน และสามารถสร้างสินค้าที่ผู้คนกำลังมองหาอยู่จริง ๆ
นี่คือ 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการหาเทรนด์งานแฮนด์เมดล่าสุด
1. ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อจับเทรนด์ก่อนใคร
แพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Pinterest และ Instagram คือขุมทรัพย์สำหรับสาย DIY ให้คุณติดตามแรงบันดาลใจจากครีเอเตอร์ชื่อดังด้านงานคราฟต์ กดติดตามคอนเทนต์ของพวกเขา และสังเกตว่าโพสต์แบบไหนที่ได้ยอดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์เยอะที่สุด
อย่าลืมมองหารูปแบบซ้ำ ๆ ด้วย เช่น มีโทนสี วัสดุ หรือเทคนิคใดที่ถูกใช้บ่อย ๆ หรือไม่? สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นสินค้าขายดีชิ้นถัดไปของคุณก็ได้
-
TikTok Trend Discovery: ใช้เครื่องมือดูเทรนด์ในแอป TikTok เพื่อเช็กว่าตอนนี้ชุมชน DIY และงานแฮนด์เมดกำลังพูดถึงอะไร
- Pinterest Trends: ค้นหาคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับงานคราฟต์ แล้วดูว่ามีอะไรติดเทรนด์อยู่บ้าง Pinterest มักจะพยากรณ์เทรนด์ล่วงหน้าได้หลายเดือนเลยทีเดียว
2. วิเคราะห์ว่าของแบบไหนขายดีบนมาร์เก็ตเพลสแฮนด์เมด
อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ คือการดูข้อมูลจากมาร์เก็ตเพลสที่เน้นขายของแฮนด์เมดโดยเฉพาะ แทนที่จะเดาสุ่ม ลองใช้ข้อมูลจริงจากแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อตัดสินใจว่าจะทำสินค้าประเภทไหน
-
ข้อมูลเชิงลึกจาก Etsy: ใช้ข้อมูลคำค้นยอดนิยมของ Etsy เพื่อดูว่าตอนนี้คนซื้อกำลังมองหาอะไร ลองสำรวจสินค้าขายดีในหมวดที่คุณสนใจเพื่อหาแรงบันดาลใจในการออกแบบหรือสร้างคอลเลกชันใหม่
- สินค้ายอดนิยมใน Shopify: Shopify มักปล่อยลิสต์สินค้ากำลังมาแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซเป็นประจำ ลองเช็กดูว่ามีไอเทมแฮนด์เมดประเภทไหนที่ติดลิสต์บ้าง และดูว่าคุณสามารถทำหรือดัดแปลงให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้หรือไม่
3. ใช้ Google Trends ติดตามความต้องการของตลาด
Google Trends คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณดูความสนใจของผู้ค้นหาในหัวข้อต่าง ๆ ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ช่วยให้คุณรู้ว่างานคราฟต์ที่คุณกำลังสนใจเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโต หรือแค่กระแสวูบวาบชั่วคราว
ลองค้นหาคำที่เฉพาะเจาะจง เช่น “ตุ๊กตาถักโครเชต์” หรือ “ต่างหูเรซิน” เพื่อดูว่ากราฟความสนใจเป็นขาขึ้นหรือลง และยังสามารถเปรียบเทียบคำค้นหลายแบบ เพื่อหาว่าไอเดียไหนมีโอกาสไปได้ไกลในระยะยาวมากที่สุด

4. เช็กเทรนด์จากร้านขายอุปกรณ์คราฟต์ออนไลน์
ร้านขายอุปกรณ์แฮนด์เมดรายใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น Michaels, Hobby Lobby หรือ Shopee/Lazada หมวดงานฝีมือ มักจะนำเข้าสินค้าที่ตรงกับเทรนด์ล่วงหน้า ลองสังเกตว่ามีวัสดุแบบไหนที่ถูกโปรโมตเยอะเป็นพิเศษ เช่น สีผ้าเฉพาะ แม่พิมพ์ใหม่ ๆ หรือชุดอุปกรณ์ DIY ที่ออกแบบมาเฉพาะเทศกาล—ทั้งหมดนี้อาจบ่งบอกถึงเทรนด์ที่กำลังจะมา
การดูหมวด “สินค้าใหม่” หรือ “สินค้าขายดี” ในร้านค้าเหล่านี้ จะช่วยให้คุณมองเห็นว่าตลาดกำลังเคลื่อนไปทางไหน และวัสดุแบบใดที่อาจกลายเป็นสินค้าขายดีชิ้นต่อไปของคุณ
5. ส่องคอมมูนิตี้ออนไลน์สายคราฟต์
เข้าร่วมกลุ่ม Facebook, กระทู้ใน Reddit หรือฟอรัมเฉพาะทางที่คนรักงานแฮนด์เมดแชร์โปรเจกต์และไอเดียของตัวเอง กลุ่มเหล่านี้มักมีข้อมูลวงในเกี่ยวกับเทรนด์ที่กำลังมาแรง ของอะไรขายดี และตลาดไหนที่กำลังโต ฟอรัมที่น่าสนใจสำหรับตามหาเทรนด์งานแฮนด์เมด
- กลุ่ม Facebook งานฝีมือ / งานทำมือ / ทำของขาย: ดูว่าเจ้าของร้านอื่นกำลังขายอะไร หรือมีไอเดียใหม่ ๆ อะไรบ้าง
- Pantip หมวดงานฝีมือ & งานอดิเรก: ผู้ใช้มักเข้ามาแชร์ภาพผลงาน ถามหาวัสดุ หรือเล่าประสบการณ์ขายของแฮนด์เมดจริง ๆ
ได้เวลาเปลี่ยนไอเดียแฮนด์เมดให้ขายได้จริง
หยิบปืนกาวร้อนแล้วเตรียมไอเดีย DIY ของคุณให้พร้อม ถึงเวลาอัปเกรดสกิลจากงานอดิเรกเป็นธุรกิจทำของแฮนด์เมดขายอย่างจริงจัง แต่ก่อนเริ่ม ลองวางแผนให้รอบคอบ วางกลยุทธ์แบรนด์ เขียนแผนธุรกิจ และรู้ให้ชัดว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณคือใคร
อย่าลืมติดตามเทรนด์งานแฮนด์เมดอยู่เสมอ และวางแผนสินค้าให้ตอบโจทย์ตามฤดูกาล เมื่อคุณพร้อมจะเริ่มขายจากที่บ้าน ลองเปิดร้านผ่านมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ หรือสร้างร้านอีคอมเมิร์ซของตัวเองก็ได้ และถ้าอยากเจอลูกค้าแบบตัวเป็น ๆ คุณยังสามารถออกบูธขายงานคราฟต์ตามร้านค้าปลีก งานแฟร์ และอีเวนต์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำของแฮนด์เมดขาย
ของแฮนด์เมดแบบไหนขายดีที่สุด?
เครื่องประดับ เทียนหอม และของแต่งบ้านอย่างแมคคาเม่หรือป้ายไม้เพนต์มือ คือกลุ่มสินค้าที่ขายดีอยู่ตลอด เพราะต้นทุนการผลิตไม่สูง ปรับแต่งได้ตามเทรนด์ และมีความต้องการตลอดทั้งปี
งานแฮนด์เมดอะไรมาแรงที่สุดตอนนี้?
ในปี 2025 งานเรซิน เครื่องประดับโพลิเมอร์เคลย์ และสินค้าให้กลิ่นหอมในบ้านอย่างแว็กซ์เมลต์และก้านไม้หอม กำลังได้รับความนิยม นอกจากนี้ งานแฮนด์เมดสายรักษ์โลก เช่น ของรีไซเคิลหรืออัปไซเคิล ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องตามเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่
งานแฮนด์เมดแบบไหนทำแล้วกำไรงามที่สุด?
งานแฮนด์เมดที่ทำกำไรได้ดี คือสินค้าที่มีความต้องการสูง ต้นทุนวัสดุต่ำ และสร้างแบรนด์ได้ชัดเจน เช่น ของขวัญสั่งทำพิเศษ (ปักชื่อ, สลักข้อความ), สกินแคร์แฮนด์เมดระดับพรีเมียม หรือสินค้าแฮนด์เมดดิจิทัล (เช่น ภาพพิมพ์ตกแต่งที่ดาวน์โหลดได้)
จะเรียนรู้การทำของแฮนด์เมดได้จากที่ไหน?
ไม่จำเป็นต้องเรียนศิลปะเป็นปี ๆ ถึงจะเริ่มได้ ปัจจุบันมีแหล่งเรียนรู้ฟรีมากมาย ทั้ง YouTube, TikTok, Instagram และบล็อกด้านงานฝีมือ หลายแหล่งยังแปะลิงก์ซื้อวัสดุให้พร้อม หรือถ้าอยากลงมือจริง ลองหาคอร์สหรือเวิร์กชอปใกล้บ้าน เช่น ที่ศูนย์ชุมชน มหาวิทยาลัย หรือร้านขายอุปกรณ์คราฟต์
จะตั้งราคาขายงาน DIY ยังไงดี?
คุณสามารถใช้สูตรตั้งราคาง่าย ๆ โดยคำนวณจากต้นทุนวัสดุ + ค่าใช้จ่ายประจำ (เช่น ค่าไฟ ค่าเช่า) + ค่าฝีมือและเวลาที่ใช้ + กำไรที่ต้องการ งานแฮนด์เมดที่ดีควรขายได้ในราคาตลาดโดยยังคงเหลือกำไร และอย่าลืมว่าสินค้าที่มีแค่ชิ้นเดียวในโลกย่อมมีมูลค่าในตัวเอง ลองเปรียบเทียบราคากับสินค้าคล้ายกันในตลาดเพื่อไม่ตั้งสูงหรือต่ำเกินไป
มีงานแฮนด์เมดอะไรบ้างที่ทำง่ายและขายได้?
มีหลากหลายงานที่ทำง่ายและเริ่มต้นได้จากที่บ้าน เช่น เทียนหอม เครื่องประดับร้อยลูกปัด หรือการย้อมผ้าเทคนิค tie-dye เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเครื่องมือพิเศษหรือยังไม่คล่องเรื่องงานฝีมือมากนัก ลองทดลองทำหลายแบบเพื่อดูว่างานไหนเหมาะกับคุณที่สุด
ถ้าทำงานแฮนด์เมดจากบ้าน ต้องเริ่มยังไง?
คุณสามารถเริ่มทำของแฮนด์เมดขายจากบ้านได้แทบทุกประเภท ยกเว้นบางงานที่ต้องใช้พื้นที่หรืออุปกรณ์เฉพาะ เช่น เตาเผาเซรามิกหรือเครื่องไม้ขนาดใหญ่ แนะนำให้พิจารณาจากพื้นที่และสภาพแวดล้อม เช่น งานที่ต้องมีการระบายอากาศ (เช่น ใช้สีหรือสารเคมี), ต้องใช้ซิงก์ล้าง (เช่น ย้อมผ้า) หรือใช้เตาอบ (เช่น เทียนหอมหรือโพลิเมอร์เคลย์)
เลือกงานที่ใช้ทักษะและอุปกรณ์ที่คุณมี และสามารถพัฒนาได้จากที่บ้าน แล้วเริ่มขายออนไลน์ผ่าน Shopify หรือมาร์เก็ตเพลสอย่าง Etsy ก็ได้
จะขายงานแฮนด์เมดได้ที่ไหนบ้าง?
คุณสามารถขายของแฮนด์เมดได้หลายช่องทาง เริ่มจากเปิดร้านออนไลน์ของตัวเองผ่าน Shopify ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมแบรนด์และสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง หรือขยายช่องทางด้วยการเปิดร้านเสริมบนมาร์เก็ตเพลสอย่าง Etsy ก็ได้เช่นกัน และหากคุณอยากเจอลูกค้าแบบออฟไลน์ ลองออกบูธในงานแฟร์ หรือตลาดนัดสินค้าทำมือในพื้นที่ใกล้บ้านก็เป็นทางเลือกที่ดีในการเริ่มต้นธุรกิจคราฟต์ของคุณ


