สำหรับครีเอเตอร์และธุรกิจแล้ว การได้รับการยืนยันตัวตนในบัญชี Instagram (ต่อจากนี้จะขอเรียกย่อ ๆ ว่า IG) นั้นถือเป็นก้าวสำคัญ
การยืนยันบัญชี IG เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความน่าเชื่อถือ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า พูดง่าย ๆ คือ การที่บัญชี IG ได้รับการยืนยันตัวตนนั้นจะช่วยยกระดับชื่อเสียงของแบรนด์และช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการตลาดบน IG ได้
คู่มือนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิธียืนยันตัวตน Instagram รวมถึงขั้นตอนล่าสุดในการขอการยืนยันใน IG, กระบวนการยืนยันการสมัคร Meta Verified และเคล็ดลับอื่น ๆ เพื่อช่วยให้คุณได้เครื่องหมายถูกสีน้ำเงิน
การยืนยันบัญชี IG หมายถึงอะไร?
เครื่องหมายยืนยันตัวตน IG คือเครื่องหมายถูกสีน้ำเงินที่อยู่ข้าง ๆ ชื่อโปรไฟล์ของคุณ โดยเครื่องหมายนี้เป็นการยืนยันว่าบัญชีนี้เป็นของบุคคลหรือธุรกิจที่แท้จริง โดย IG ได้อธิบายเครื่องหมายยืนยันตัวตนนี้ว่า “เป็นการยืนยันว่านี่คือตัวตนของบุคคลหรือแบรนด์ที่แท้จริง”
IG ได้พัฒนาความหมายของเครื่องหมายยืนยันนี้ไปอีกระดับเช่นเดียวกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ สัญลักษณ์นี้คือการบ่งบอกว่าบัญชีเป็นของบุคคลหรือบริษัทที่มีชื่อเสียงและถูกค้นหามาก
ถึงความหมายนี้จะยังไม่เปลี่ยน แต่เครื่องหมายยืนยันตัวตน IG ยังมีวัตถุประสงค์โดยทั่วไปเพื่อยืนยันความถูกต้องของบัญชีอีกด้วย
ใครบ้างที่ยืนยันตัวตน IG ได้
ข่าวดีคือคุณไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลสาธารณะหรือคนดัง เพราะทุกคนสามารถสมัครขอรับการยืนยันตัวตน IG ได้
วิธีที่ IG ใช้ยืนยันตัวตนนั้นไม่ได้ซับซ้อนเลย โดยแนวทางของ Instagram ระบุว่าคุณต้องสมัครรับการยืนยันตัวตนโดยสมัครใช้บริการ Meta Verified ซึ่งเป็นบริการแบบเสียเงิน หรือสมัครด้วยบัญชีที่ตรงตามข้อกำหนดบางประการ
หากต้องการสมัครเพื่อขอยืนยันตัวตน IG คุณต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้
- เป็นตัวจริง - คุณต้องเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริง บุคคลสาธารณะ หรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนธุรกิจ คุณจะต้องมีเอกสารธุรกิจอย่างเป็นทางการและบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้ผ่านคุณสมบัตินี้
- ไม่ซ้ำกับใคร - คุณจะต้องไม่มีบัญชี IG หลายบัญชีสำหรับบุคคลหรือธุรกิจเดียวกัน (ยกเว้นว่าเป็นบัญชีของแต่ละภาษาที่แตกต่างกัน) นอกจากนี้ IG จะไม่ยืนยันตัวตนให้กับบัญชีที่เป็นความสนใจทั่วไป (เช่น มีม) หรือบัญชีแฟนคลับ
- ถูกต้องสมบูรณ์ - ในเบื้องต้นนั้น โปรไฟล์ IG ต้องเปิดสาธารณะ มีไบโอ IG ที่มีรูปโปรไฟล์ และต้องมีการใช้งานอยู่ ณ เวลาที่คุณสมัครขอยืนยันตัวตน โดยคำว่า “ใช้งานอยู่” นั้นไม่มีการตีความไว้อย่างชัดเจน แต่คุณสามารถตีความได้ว่าหมายถึงการโพสต์ แชร์ หรือแสดงความคิดเห็นในคอนเทนต์อยู่เป็นประจำ
- มีชื่อเสียง - ตรงนี้เป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ การมีชื่อเสียงนั้นหมายความว่าชื่อบัญชีเป็นตัวแทนของบุคคลหรือแบรนด์ที่ “เป็นที่รู้จักและมีการค้นหาสูง” โดย IG จะตรวจสอบบัญชีที่ปรากฏในแหล่งข่าวหลายแห่ง แต่จะไม่พิจารณาเนื้อหาแบบชำระเงินหรือเนื้อหาส่งเสริมการขายว่าเป็นแหล่งที่มาที่ตรงตามคุณสมบัตินี้ อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ตรงตามข้อกำหนดเรื่องการมีชื่อเสียง คุณก็ยังสามารถรับการยืนยันตัวตนได้โดยจ่ายเงินซื้อ Meta Verified
นอกจากนี้ คุณต้องปฏิบัติตามกฎพื้นฐานของแนวทางชุมชนและเงื่อนไขการใช้งานของ IG ซึ่งตราบใดที่คุณปฏิบัติตาม คุณก็มีสิทธิ์สมัครขอยืนยันตัวตนได้
ข้อกำหนดเหล่านี้ยังหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีจำนวนผู้ติดตามถึงเกณฑ์ที่กำหนดก่อนจึงจะได้รับการยืนยันตัวตนได้ แต่คุณสามารถขอการยืนยันตัวตนได้ทันทีหลังจากสมัครและกรอกข้อมูลโปรไฟล์ให้ครบถ้วน ถ้าต้องการ
ทำไมต้องได้รับการยืนยันบัญชี IG?
นี่คือ 6 เหตุผลที่ควรสมัครและทำตามวิธียืนยันตัวตน IG
- หยุดการแอบอ้าง - เหตุผลหลักที่ต้องมีตราสัญลักษณ์ยืนยันตัวตนคือเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของบัญชีเป็นบุคคลตามบัญชีนั้นจริง ๆ เครื่องหมายถูกสีน้ำเงินบนโปรไฟล์ของคุณจะแสดงให้ผู้ติดตามและผู้เยี่ยมชมเห็นว่าคุณเป็นตัวจริง ไม่ใช่บัญชีปลอม
- มีความน่าเชื่อถือในสายตาผู้คน - เมื่อผู้ใช้ IG เห็นว่าคุณมีบัญชีที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะมองว่าคุณมีความน่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจมากขึ้น
- สร้างอิทธิพล - หลายคนมองว่าเครื่องหมายถูกสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะที่แสดงให้ผู้ใช้เห็นว่าบัญชีที่ได้รับการยืนยันนั้นน่าติดตาม
- รับข้อเสนอความร่วมมือ - Instagram อาจบอกว่าเครื่องหมายรับรองไม่ใช่สัญลักษณ์ของความโดดเด่นอีกต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พันธมิตรแบรนด์ที่มีศักยภาพหลายรายเลิกมองในแง่นี้
- เพิ่มจำนวนผู้ติดตาม - หากบัญชีของคุณได้รับการยืนยัน เมื่อผู้ใช้ค้นหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ของคุณใน IG ชื่อของคุณอาจอยู่ในการค้นหาอันดับต้น ๆ โดยการที่ผู้คนมองเห็นได้มากกว่านี้หมายความว่าบัญชีที่ได้รับการยืนยันสามารถดึงดูดผู้ติดตามใหม่ได้โดยตรงจากการค้นหา ซึ่งช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์ได้
- เพิ่มยอดขาย - หากคุณขายของผ่าน IG ความสามารถในการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นจากการยืนยันอาจเปลี่ยนผู้สนใจให้กลายเป็นลูกค้าที่ซื้อจริงได้มากขึ้น
การได้รับการยืนยัน IG ช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณอยู่ในการค้นหาอันดับต้น ๆ ภายในแอป
วิธียืนยันตัวตน IG
วิธียืนยันตัวตน IG เพื่อให้ได้เครื่องหมายเช็คสีน้ำเงิน มี 2 วิธีคือ
คุณสามารถเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้ เรียนรู้ขั้นตอนอย่างละเอียดสำหรับแต่ละวิธีเพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าวิธีไหนเหมาะกับคุณที่สุด
วิธีขอรับการยืนยันตัวตนผ่านแอป Instagram
ข้อดี: วิธีนี้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมการสมัครหรือค่ารักษาเครื่องหมายถูกสีน้ำเงิน
ข้อเสีย: คุณต้องแสดงหลักฐานว่าคุณเป็นผู้มีชื่อเสียง ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับแบรนด์ใหม่ และระยะเวลารอการอนุมัติอาจนาน (สูงสุด 30 วัน)
วิธียืนยันตัวตน IG ผ่านการขอในแอปมีดังนี้
- ล็อกอินเข้าบัญชี IG ของแบรนด์คุณ
- ไปที่การตั้งค่าบัญชีเพื่อเข้าสู่เมนูเครื่องมือ
- กรอกใบสมัครขอรับการยืนยันตัวตน
- ส่งใบสมัคร
1. ล็อกอินเข้าบัญชี IG ของแบรนด์คุณ
หากคุณใช้หลายบัญชี คุณจะต้องเข้าสู่ระบบบัญชีแบรนด์ที่คุณขอรับเครื่องหมายยืนยัน หากต้องการเข้าสู่โปรไฟล์ของคุณ ให้แตะที่รูปโปรไฟล์ของคุณที่มุมขวาล่างของแอป
2. ไปที่การตั้งค่าบัญชีเพื่อเข้าสู่เมนูเครื่องมือ
เมื่อคุณอยู่ในหน้าโปรไฟล์ ให้แตะที่ไอคอนแฮมเบอร์เกอร์ (เส้นแนวนอน 3 เส้น) ที่มุมขวาบนแล้วเลื่อนลงจนกว่าคุณจะเห็น “ประเภทบัญชีและเครื่องมือ” อยู่ในส่วนของ “สำหรับมืออาชีพ” เลือก “ประเภทบัญชีและเครื่องมือ” จากนั้นในเมนูเครื่องมือ ให้แตะ “ขอรับการยืนยัน”

3. กรอกใบสมัครขอรับการยืนยันตัวตน
คุณจะต้องกรอกข้อมูลต่อไปนี้ในใบสมัคร
- ชื่อ-นามสกุล (หรือชื่อทางการค้า) - ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายที่รัฐบาลออกให้ เช่น ใบขับขี่หรือพาสปอร์ต
- เอกสารธุรกิจอย่างเป็นทางการ - ยื่นเอกสารธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารการจดทะเบียน LLC
- ชื่อเสียง - ยืนยันการมีตัวตนทางออนไลน์โดยการเลือกหมวดหมู่ในอุตสาหกรรมและกลุ่มเป้าหมาย โดยคุณจะต้องระบุชื่อแบรนด์ที่คุณอาจรู้จักด้วย
- ลิงก์ผลงานเพื่อยืนยันชื่อเสียง - ลิงก์ไปยังบัญชีโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ที่ผ่านการยืนยันแล้ว (หากมี) ข่าวหรือข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีแบรนด์ปรากฏอยู่ เว็บไซต์ของคุณ หรือลิงก์อื่นๆ (ที่ไม่ใช่การส่งเสริมการขาย) ที่อาจเกี่ยวข้อง
4. ส่งใบสมัคร
เมื่อกรอกรายละเอียดในใบเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่มส่ง ทีนี้คุณก็ใกล้จะได้รับการยืนยันบัญชี IG แล้ว
โดยทั่วไป Instagram จะแจ้งให้คุณทราบในฟีดกิจกรรมของคุณว่าคำขอได้รับการอนุมัติหรือไม่ภายในประมาณ 30 วัน หากได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับเครื่องหมายยืนยันตัวตนทันที

สมัคร Meta Verified
ข้อดี: ถ้าคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ วิธีนี้จะทำให้คุณได้รับเครื่องหมายถูกสีน้ำเงินอย่างรวดเร็ว (ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน จากที่ต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์)
ข้อเสีย: คุณต้องจ่ายค่า Meta Verified เป็นรายเดือนเพื่อที่จะได้รับเครื่องหมายและรักษาสถานะการยืนยันตัวตน IG
นี่คือวิธีที่จะทำให้ได้รับการยืนยันตัวตน IG ผ่านการสมัคร Meta Verified
- ตรวจสอบว่าคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์
- ไปที่ Meta Verified ในแอปมือถือ
- เลือกโปรไฟล์ที่จะยืนยันตัวตน
- จ่ายค่าสมัคร Meta Verified สำหรับครั้งแรก
- ยืนยันข้อมูลโปรไฟล์
- ยืนยันบัญชีของคุณ
นี่คือวิธีการสมัครสมาชิก Meta Verified:
1. ตรวจสอบว่าคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์
ถึงแม้ Meta Verified จะเป็นวิธีได้รับเครื่องหมายถูกสีน้ำเงินที่ง่ายกว่า แต่บัญชีก็ยังต้องตรงตามเกณฑ์คุณสมบัติบางประการอยู่
สำหรับการสมัคร Meta Verified คุณจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- คุณต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
- โปรไฟล์ต้องแสดงชื่อเต็ม พร้อมทั้งมีรูปโปรไฟล์ที่มีใบหน้าของคุณ
- บัญชีของคุณควรมีประวัติการโพสต์ก่อนหน้านี้
- คุณต้องมีบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาลซึ่งตรงกับชื่อและรูปโปรไฟล์
- ต้องเปิดใช้การตรวจสอบสองขั้นตอนในโปรไฟล์
หากคุณเป็นธุรกิจที่สมัคร Meta Verified คุณจะต้องมี
- บัญชีธุรกิจ Meta
- เพจ Facebook สำหรับธุรกิจและบัญชี Instagram มืออาชีพที่มีประวัติการใช้งาน
2. ไปที่ Meta Verified ในแอปมือถือของคุณ
เปิดแอป Instagram ในมือถือและเข้าสู่ระบบ แตะที่รูปโปรไฟล์ที่มุมขวาล่างเพื่อไปที่โปรไฟล์ของคุณ (หรือโปรไฟล์ของธุรกิจ) จากนั้นแตะที่ไอคอนเมนู (เส้นแนวนอน 3 เส้น) ที่มุมขวาบน แล้วแตะ Meta Verified ที่อยู่ในหัวข้อสำหรับมืออาชีพ
3. เลือกโปรไฟล์ที่จะยืนยันตัวตน
เลือกบัญชีส่วนตัวหรือบัญชีธุรกิจที่คุณต้องการยืนยันตัวตน โดยสามารถตรวจสอบโปรไฟล์ที่มีสิทธิ์ได้สูงสุด 2 บัญชี โดยเป็นบัญชีบน Instagram และอีกหนึ่งบัญชีบน Facebook
4. จ่ายค่าสมัคร Meta Verified สำหรับครั้งแรก
คุณต้องชำระค่าธรรมเนียมการสมัครตามรอบบิลเพื่อที่จะได้รับการยืนยันตัวตนด้วย Meta Verified โดยคุณจะได้รับเครื่องหมายถูกสีน้ำเงินพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษ เช่น สติกเกอร์ Instagram ที่ใช้ในสตอรี่และคลิป Reels ของ Instagram
สำหรับธุรกิจแล้ว Meta Verified มีระดับราคาการสมัครหลายระดับ โดยเริ่มต้นที่ 14.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ/เดือน ในขณะที่ครีเอเตอร์บุคคลจะมีข้อเสนอการสมัครเพียงระดับเดียวที่ราคา 14.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ/เดือน
วิธีการสมัคร Meta Verified ให้แตะที่ "ชำระเงิน" แล้วป้อนรายละเอียดการชำระเงิน โดยสามารถชำระเงินผ่าน App Store ของ Google หรือ Apple หรือผ่าน Meta Pay ได้ หลังจากป้อนรายละเอียดการชำระเงินแล้ว ให้แตะ "ดำเนินการต่อ" แล้วแตะ "สมัคร"
คุณจะมีเวลา 3 วันในการดำเนินการตามขั้นตอนการยืนยันขั้นสุดท้ายที่ระบุไว้ด้านล่าง
5. ยืนยันข้อมูลโปรไฟล์ของคุณ
ยืนยันหรือแก้ไขชื่อโปรไฟล์และรูปภาพ หากคุณเป็นธุรกิจ คุณจะต้องส่งชื่อธุรกิจ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ที่ร้องขอด้วย สุดท้าย ให้เลือกธุรกิจจากผลลัพธ์ เลือกวิธีการตรวจยืนยัน และแตะส่ง
6. ยืนยันบัญชีของคุณ
ยืนยันตัวตนโดยการอัปโหลดรูปบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาลที่มีรูปถ่าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นอ่านได้ชัดเจน จากนั้นแตะ “ส่ง” และ “เสร็จสิ้น”
สำหรับธุรกิจ ให้เลือกว่าจะรับรหัสยืนยันทาง SMS หรืออีเมลของบริษัท
เมื่อคุณทำขั้นตอนเหล่านี้เสร็จเรียบร้อย เครื่องหมายยืนยันตัวตนควรจะต้องปรากฏในโปรไฟล์ รวมถึงในความคิดเห็น ข้อความ คลิป Reels และสตอรี่ คุณจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงการสนับสนุนและฟีเจอร์การปกป้องบัญชีที่ได้รับการปรับปรุงด้วย
5 เคล็ดลับสำหรับการได้เป็นบัญชีที่ยืนยันตัวตนใน IG
- อย่าใช้วิธียืนยันตัวตน IG ด้วยการซื้อ Blue Tick
- ให้ผู้คนช่วยสร้างชื่อเสียง แทนการใช้เงินซื้อ
- เพิ่มผู้ติดตามของคุณด้วย Followers ที่แท้จริง
- ปรับแต่งโปรไฟล์และไบโอไอจี
- ปฏิบัติตามมาตรฐานชุมชนของ Meta
อย่าใช้วิธียืนยันตัวตน IG ด้วยการซื้อ Blue Tick
Instagram ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ซื้อ ขาย หรือโอนสิทธิ์การใช้ป้ายยืนยันตัวตน (Verified Badge) ในทุกกรณี (สำหรับการสมัคร Meta Verified นั้นจะต่างออกไป) โดยควรใช้ Instagram อย่างมีความรับผิดชอบ อย่าใช้กลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น การซื้อป้ายยืนยันตัวตน ผู้ติดตาม ยอดกดถูกใจ หรือคอมเมนต์ ซึ่งอาจทำให้บัญชีของคุณถูกระงับการใช้งาน
หากคุณเห็นบัญชีที่โฆษณาว่าสามารถใช้ป้ายยืนยันตัวตนได้ฟรีหรือ “จ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อย” ตามตัวอย่างด้านล่าง อย่าหลงเชื่อกลลวงในลักษณะนี้
โปรดหลีกเลี่ยงการหลอกลวงด้วยเครื่องหมายยืนยันตัวตนในลักษณะนี้
ให้ผู้คนช่วยสร้างชื่อเสียง แทนการใช้เงินซื้อ
ร่วมมือกับเอเจนซี่ประชาสัมพันธ์หรือนักข่าวที่สามารถช่วยให้คุณเป็นที่รู้จักได้ โดยเอเจนซี่บางรายยังสามารถเข้าถึงเครื่องมือสนับสนุนสื่อของ Facebook ที่พวกเขาสามารถส่งคำขอและได้รับการยืนยันตัวตนผ่านพอร์ทัลได้
สำหรับวิธียืนยันตัวตน IG ด้วยการสร้างชื่อเสียง คุณจะต้องทำสิ่งต่างๆ ที่ควรค่าแก่การนำเสนอข่าว สิ่งที่ควรค่าแก่การนำเสนอข่าวขึ้นอยู่กับตลาดเฉพาะของคุณ แต่นี่คือไอเดียบางอย่างเพื่อเริ่มต้น
- เข้าร่วมกิจกรรมในท้องถิ่นหรือสร้างกิจกรรม (เพื่อการกุศลหรืออื่น ๆ)
- ไปเป็นแขกรับเชิญในพอดแคสต์หรือช่องทางสื่อ
- ให้คำมั่นสัญญาว่าจะบริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นครั้งเดียวหรือไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- เผยแพร่เอกสารไวท์เปเปอร์หรือข้อมูลต้นฉบับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมนอกเหนือจากแบรนด์ป็นวิธีสร้างการรับรู้และเข้าถึงช่องทางสื่อต่าง ๆ ซึ่งเมื่อทีมตรวจสอบของ Instagram พิจารณาว่าคุณมีความโดดเด่นพอหรือไม่ พวกเขาก็จะพบคุณในช่องข่าวเหล่านี้
เพิ่มผู้ติดตามของคุณด้วย Followers ที่แท้จริง
อย่าซื้อผู้ติดตาม IG เด็ดขาด แต่ให้สร้างบัญชีด้วยการเติบโตที่แท้จริงและเป็นธรรมชาติ
ใครที่ซื้อผู้ติดตามจะดูออกง่ายมาก เพราะบัญชีของพวกเขาจะมีผู้ติดตามจำนวนมาก แต่กลับมีระดับการมีส่วนร่วมต่ำ ผู้ติดตามเหล่านี้มักจะเป็นบอทหรือบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่โต้ตอบกับแบรนด์ ขาดการมีส่วนร่วม ซึ่งหมายความว่าโพสต์ IG จะไม่ปรากฏในหน้า Explore หรือในฟีดของผู้ชม
ถึงแม้จำนวนผู้ติดตามจะไม่ใช่เรื่องสำคัญเมื่อพูดถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับเครื่องหมายยืนยันตัวตน แต่การมีผู้ติดตามที่มีส่วนร่วมสูงนั้นมีประโยชน์
วิธีเพิ่มผู้ติดตาม IG มีดังนี้
- ใช้แฮชแท็กที่เหมาะสมเพื่อให้โปรไฟล์ปรากฏต่อกลุ่มเป้าหมาย
- โพสต์คอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น สตอรี่ IG, คลิป Reels และโพสต์ในฟีด
- จัดกิจกรรมแจกของรางวัล
- ส่งเสริมเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น
- จัดระเบียบกริดโปรไฟล์
- สร้างคอนเทนต์ที่แชร์ได้
ผู้ติดตามใน IG ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่เป็นชุมชน ถึงแม้คุณจะยังไม่ได้รับการยืนยันตัวตน ผู้ติดตามจริงจะช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ เพิ่มยอดขาย และสร้างอิทธิพลในพื้นที่ของคุณ
ปรับแต่งโปรไฟล์และไบโอไอจี
วิธียืนยันตัวตน IG คือการมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ และบัญชีที่ได้รับการยืนยันตัวตนทั้งหมดจะเหมือนกันอยู่อย่างคือ มีโปรไฟล์ที่ครบถ้วน โดยทุกบัญชีมีไบโอ IG ที่สั้นและชัดเจน รูปโปรไฟล์โดดเด่น ลิงก์ภายนอก (ไปยังเว็บไซต์ของพวกเขาหรือลิงก์ในไบโอที่เชื่อมโยงไปยังหลายไซต์) และไฮไลท์สตอรี่ที่ออกแบบมาอย่างดี
แน่นอนว่าโปรไฟล์ IG ทุกบัญชีมีโครงสร้างเดียวกัน แต่ข้อมูลสรุปสั้น ๆ ใต้ชื่อผู้ใช้หรือไบโอ IG นั้นไม่เหมือนกัน ผู้ใช้จะดูไบโอของคุณเมื่อตัดสินใจว่าจะติดตามคุณใน IG หรือไม่ ดังนั้นคุณต้องทำให้โดดเด่น
Beardbrand, Strong Roots UK และ Violife Foods คือ 3 แบรนด์ที่ได้รับการยืนยันตัวตนที่มีโปรไฟล์ Instagram ที่ปรับแต่งอย่างดี
ไบโอ IG ที่ได้รับการยืนยันแล้วมีประโยชน์หลายอย่างดังนี้
- เน้นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจ (ชื่อแบรนด์ หมวดหมู่ ภาพรวมบริษัท)
- เสนอวิธีให้ผู้ใช้ติดต่อ (DM, ลิงก์ไปยังร้านค้า)
- แสดงบุคลิกภาพของแบรนด์ (เสียงของแบรนด์, การสร้างแบรนด์ด้วยภาพ)
- สร้างข้อเสนอการขายที่ไม่เหมือนใคร
- กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองด้วยการกระตุ้นให้เกิดการซื้อ
โปรไฟล์ที่ชัดเจนสามารถสร้างความประทับใจแรกที่ดีให้กับแบรนด์ และโน้มน้าวผู้คนในกลุ่มเป้าหมายให้ติดตามคุณได้
ปฏิบัติตามมาตรฐานชุมชนของ Meta
ตราบใดที่แบรนด์มีความสอดคล้องและคุณโพสต์เนื้อหาของตนเอง (เนื้อหาที่ปลอดภัยและถูกกฎหมายสำหรับการดูในสาธารณะ) คุณก็น่าจะปฏิบัติตามมาตรฐานชุมชนของ Meta อยู่แล้ว ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการยืนยันตัวตนไอจี อย่างไรก็ตาม คุณก็ต้องตรวจสอบแนวทางชุมชนเหล่านั้นเพื่อให้คุณสามารถยืนยันเรื่องนี้ในกระบวนการตรวจสอบได้อย่างมั่นใจ
วิธียืนยันตัวตน IG โซลูชั่นหากถูกปฏิเสธ
ถึงแม้ว่าคุณจะทำตามคำแนะนำทั้งหมดที่ว่ามาแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่ Instagram จะไม่อนุมัติใบสมัคร คงอยากรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ดู
ตรวจสอบข้อกำหนดของเครื่องหมายยืนยันตัวตนอีกครั้ง
ถึงจะฟังดูง่าย แต่ก็คุ้มค่าที่จะตรวจสอบข้อกำหนดหลัก 4 ข้อที่เราอธิบายไว้ก่อนหน้านี้คือ เป็นตัวจริง ไม่ซ้ำกับใคร ถูกต้องสมบูรณ์ และมีชื่อเสียง
คุณต้องมีเอกสารธุรกิจที่เหมาะสมที่สุดเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง อย่าลืมลบบัญชีเก่ าๆ ที่คุณเคยสร้างไว้ เปรียบเทียบระดับความสมบูรณ์ของโปรไฟล์กับบัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้ว
สุดท้าย ลองค้นหาแบรนด์ของคุณบน Google หากคุณไม่เห็นการกล่าวถึงแบรนด์ของคุณนอกเหนือจากเว็บไซต์ของคุณเอง ตรงนี้อาจเป็นปัญหาที่อาจทำให้แบรนด์ไม่โดดเด่นพอที่จะได้รับเครื่องหมายถูกยืนยัน
รอและสมัครใหม่
หากคำขอยืนยันตัวตนถูก Instagram ปฏิเสธก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะคุณสามารถสมัครใหม่ได้หลังจากผ่านไป 30 วัน แต่คุณก็ต้องอดทนรอ เพราะการสมัครขอรับป้ายยืนยันตัวตนหลายครั้งภายในเวลา 30 วัน จะทำให้ใบสมัครของคุณจะถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติ
ใช้เวลา 1 เดือนนี้หาวิธีเพิ่มโอกาสของคุณ ใช้เคล็ดลับข้างต้นเพื่อพัฒนาแบรนด์และภาพลักษณ์บน IG แทนที่จะหวังว่าคุณจะได้รับอนุมัติภายใน 30 วันโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
แสดงความน่าเชื่อถือในวิธีอื่น
หากคุณได้ลองทุกวิธีข้างต้นแล้วและไม่ได้รับเครื่องหมายถูกสีน้ำเงิน คุณก็ยังสามารถใช้ IG เพื่อโปรโมตธุรกิจของคุณได้ เพียงแต่คุณต้องแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในรูปแบบอื่น
Instagram แนะนำให้เชื่อมโยงบัญชีกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เพจ Facebook และช่อง YouTube ของคุณ ส่วนเรื่องโพสต์ ลองสร้างคอนเทนต์ที่แสดงให้เห็นเบื้องหลังหรือทีมงานดู การแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของคุณเป็นอย่างไรในแต่ละวันเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังเป็นไปตามคำแนะนำในการโพสต์คอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มผู้ติดตามด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธียืนยันตัวตน IG
วิธียืนยันตัวตน IG บุคคลทั่วไปสามารถทำได้หรือไม่?
ได้ บุคคลทั่วไปหรือธุรกิจขนาดเล็กสามารถขอรับการยืนยันตัวตน IG ได้ โดยที่โปรไฟล์ต้องเป็นตัวแทนของบุคคลหรือธุรกิจจริง แต่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลสาธารณะเพื่อที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นบัญชีที่โดดเด่น นอกจากนี้ Instagram ยังกำหนดให้คุณมีบัญชีที่เป็นตัวแทนของแบรนด์บนแพลตฟอร์มเพียงบัญชีเดียวเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้รับการยืนยันตัวตนได้
ต้องมีผู้ติดตามกี่คนถึงจะได้รับการยืนยันตัวตน IG?
Instagram ไม่ได้กำหนดจำนวนผู้ติดตามที่จำเป็นต้องมีสำหรับการยืนยันตัวตนไว้อย่างเป็นทางการ แต่ยิ่งมีผู้ติดตามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะถูกมองว่า "โดดเด่น" มากขึ้นเท่านั้น
สามารถจ่ายเงินเพื่อขอรับการยืนยันตัวตน IG ได้หรือไม่?
การสมัครเพื่อขอรับการยืนยันตัวตนนั้นไม่มีค่าใช้จ่ายผ่านแอป Instagram บนมือถือ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ ชำระเงินเพื่อเข้าร่วมโปรแกรม Meta Verified แต่คุณก็ยังต้องสมัครและยืนยันตัวตนบัญชี เพื่อรับเครื่องหมายถูกสีน้ำเงินด้วย
วิธียืนยันตัวตน IG มีขั้นตอนรีเควสยังไงบ้าง?
1. เข้าสู่ระบบบัญชี IG ที่คุณต้องการตรวจสอบ
2. แตะที่ไอคอนเส้นแนวนอน 3 เส้น
3. เลื่อนลงไปที่ประเภทบัญชีและเครื่องมือ แล้วเลือก “ขอรับการยืนยันตัวตน”
4. กรอกชื่อของคุณและข้อมูลที่จำเป็น
5. หลังจากกรอกแบบฟอร์มเสร็จแล้ว ให้ส่งและรอ 30 วันเพื่อรับคำตอบ


