ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Influencer Marketing กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย การจับมือกับอินฟลูเอนเซอร์เป็นเหมือนการ “เช่าพลังและฐานผู้ติดตาม” ของครีเอเตอร์ที่มีชื่อเสียง เพื่อช่วยขยายการเข้าถึงให้กับทีมการตลาดของคุณ
แต่เพราะจำนวนผู้ติดตามบนโซเชียลสามารถปลอมแปลงได้ง่าย การทำ Influencer Marketing จึงต้องเลือกครีเอเตอร์ที่น่าเชื่อถือจริง ๆ อย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังต้องออกแบบแคมเปญให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) โดยไม่กระทบต่อความจริงใจและความน่าเชื่อถือของอินฟลูเอนเซอร์เอง
ไปต่อกันเลยกับการเจาะลึก 12 เว็บหา Influencer ที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้คุณทำงานด้าน Influencer Marketing ได้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือมากขึ้น
12 เว็บหา Influencer ที่เหมาะกับธุรกิจ 2025
- Shopify Collabs
- Tellscore
- Upfluence
- NeoReach
- Traackr
- IZEA Flex
- YouTube BrandConnect
- Shoutcart
- Influence.co
- CreatorIQ
- Sprout Social
- Brandwatch Influence
1. Shopify Collabs

เว็บหา Influencer Shopify Collabs เป็นเครื่องมือครบวงจรสำหรับการค้นหาและจัดการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้โดยตรงจาก Shopify admin ของคุณ ด้วย Shopify Collabs คุณสามารถสร้างหน้าใบสมัครครีเอเตอร์แบบกำหนดเอง เชิญครีเอเตอร์ที่ต้องการโดยตรง หรือค้นหาโปรไฟล์จากฐานข้อมูลนับล้านเพื่อตามหาคนที่ใช่สำหรับแบรนด์ของคุณ แอปนี้ติดตั้งได้ฟรีกับทุกแพ็กเกจ Shopify และได้รับการสนับสนุนโดย Shopify ซึ่งหมายความว่าหากคุณพบปัญหา ทีมซัพพอร์ตของเราที่ได้รับรางวัลก็พร้อมให้บริการคุณตลอด 24 ชั่วโมง
คุณยังสามารถประหยัดเวลาในการจัดการโปรแกรมครีเอเตอร์ของคุณได้ ด้วยการเสนอค่าคอมมิชชันอัตโนมัติให้กับครีเอเตอร์ทุกคนใน Collabs Network และตั้งค่าการจ่ายเงินแบบอัตโนมัติให้กับ Affiliate ได้ทันที แต่ควรทราบว่าการเปิดให้ครีเอเตอร์เข้าร่วม Collabs Network หมายความว่าพวกเขาสามารถสร้างลิงก์ Affiliate ได้เอง ซึ่งช่วยให้โปรแกรมเติบโตได้ไวขึ้น แต่ก็อาจทำให้คุณควบคุมได้ลดลงว่าใครจะโปรโมตแบรนด์ของคุณ
Shopify Collabs ยังสามารถเชื่อมต่อกับ Shopify Flow เพื่อทำให้ขั้นตอนซ้ำ ๆ เป็นอัตโนมัติได้
เริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยเทมเพลตที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า เช่น
- อนุมัติผู้สมัครอัตโนมัติตามเกณฑ์ที่คุณกำหนด เช่น การมีส่วนร่วมของผู้ติดตาม
- ส่งอีเมลต้อนรับหรือของขวัญต้อนรับอัตโนมัติให้กับ Affiliate ที่ผ่านการอนุมัติ
- แจ้งเตือนทีมงานทันทีเมื่อ Affiliate มียอดขายเกิดขึ้น
เหมาะสำหรับ: ร้านค้าที่ใช้ Shopify และกำลังมองหาวิธีเริ่มต้น Affiliate Marketing อย่างรวดเร็วและง่ายที่สุด ที่สำคัญ Shopify Collabs ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามาก เพราะดาวน์โหลดฟรี และคุณจ่ายเพียงค่าธรรมเนียม 2.9% สำหรับการจ่ายเงินอัตโนมัติให้กับครีเอเตอร์เท่านั้น
2. TellScore
ที่มา: Tellscore
Tellscore เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Influencer Marketing ชั้นนำของไทย ที่ช่วยแบรนด์ค้นหาและทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดเด่นคือมีฐานข้อมูลอินฟลูเอนเซอร์ขนาดใหญ่ ครอบคลุมตั้งแต่ Nano, Micro ไปจนถึง Macro Influencer พร้อมระบบที่ช่วยจับคู่แบรนด์กับครีเอเตอร์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
นอกจากนี้ เว็บหา Influencer Tellscore ยังมีเครื่องมือช่วยบริหารจัดการแคมเปญแบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดการสัญญา การประเมินผล ไปจนถึงการรายงาน ROI ที่ชัดเจน แบรนด์สามารถติดตามผลลัพธ์ได้แบบเรียลไทม์ และมั่นใจได้ว่าทุกการลงทุนสร้างผลลัพธ์ที่วัดได้จริง
เหมาะสำหรับ: ธุรกิจและแบรนด์ในไทยที่ต้องการโซลูชัน Influencer Marketing แบบครบวงจร เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคไทยได้ตรงกลุ่ม และเหมาะทั้งสำหรับแคมเปญเล็กไปจนถึงการทำการตลาดขนาดใหญ่
3. Upfluence
แหล่งที่มา: Upfluence
Upfluence (พาร์ตเนอร์ของ Amazon) เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเว็บหา Influencer ที่มีชื่อเสียงที่สุดในระดับสากล การทำงานคล้ายกับซอฟต์แวร์ด้าน CRM (Customer Relationship Management) ที่ช่วยจัดการครีเอเตอร์ตามขั้นตอนของการสมัคร และยังสามารถตั้งระบบอัตโนมัติตามแท็กที่กำหนดไว้ละเอียดมาก ๆ
เหมาะกับ: ธุรกิจขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ และยุโรปที่มีครีเอเตอร์รวมตัวอยู่จำนวนมาก รวมถึงแบรนด์ที่สนใจโปรแกรม Amazon Affiliate หากผู้ขายไทยมีแผนจะขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยเฉพาะบน Amazon แพลตฟอร์มนี้คืออีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่า (แม้ราคาจะเริ่มต้นค่อนข้างสูง ประมาณ 32,000 บาทต่อเดือน) แต่ก็มีโปรแกรมฟรีให้ทดลองใช้งานสำหรับนักการตลาดที่มีงบจำกัด
4. NeoReach
แหล่งที่มา: NeoReach
NeoReach เป็นเว็บหา Influencer marketing ที่มาพร้อมบริการ Managed Services สำหรับแบรนด์ที่อยากให้ทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลแคมเปญโดยตรง ซอฟต์แวร์ของ NeoReach มีเครื่องมือค้นหาครีเอเตอร์ขั้นสูง สามารถกรองผลลัพธ์ด้วยคีย์เวิร์ด แพลตฟอร์มโซเชียล ประสิทธิภาพของโปรไฟล์ และข้อมูลประชากรของผู้ติดตาม ทำให้คุณหาครีเอเตอร์ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายและเหมาะกับทุกประเภทแคมเปญที่ต้องการ
เหมาะกับ: ธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ในสหรัฐฯ และตลาดตะวันตก ที่ต้องการความยืดหยุ่น ทั้งการค้นหาครีเอเตอร์ด้วยตนเอง หรือเลือกใช้บริการทีมมืออาชีพให้ช่วยดูแลแคมเปญแบบครบวงจร สำหรับผู้ขายไทยที่อยากบุกตลาดต่างประเทศ NeoReach เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้การหาครีเอเตอร์ในตลาดตะวันตกเป็นเรื่องง่ายขึ้น
5. Traackr
แหล่งที่มา: Traackr
Traackr เป็นซอฟต์แวร์ influencer marketing ระดับโปรที่ช่วยให้แบรนด์สามารถกำหนดรูปแบบการวัดผลของอินฟลูเอนเซอร์ ติดตามยอดขายจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงสิ่งที่อินฟลูเอนเซอร์ทำตามสัญญา เช่น คอนเทนต์หรือกิจกรรมโปรโมต จัดการขั้นตอนการทำงาน และดึงรายงานเชิงลึกเพื่อวัดผลลัพธ์ของแคมเปญได้อย่างละเอียด
จุดเด่นอีกอย่างของเว็บหา Influencer แห่งนี้ คือระบบค้นหาครีเอเตอร์ที่ทรงพลัง มีฟิลเตอร์แบบละเอียดและสามารถบันทึกการค้นหาไว้ เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีครีเอเตอร์ใหม่ ๆ ที่ตรงตามเงื่อนไข นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ค้นหา “คนที่มีโปรไฟล์คล้ายกัน” ที่ช่วยให้คุณหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ใกล้เคียงกับคนที่คุณสนใจได้ทันที
เหมาะกับ: แบรนด์สายบิวตี้ สกินแคร์ แฟชั่น สุรา และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ในตลาดสหรัฐฯ และยุโรป ที่พร้อมลงทุนขั้นต่ำปีละประมาณ 730,000 บาท (20,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้เครื่องมือค้นหาครีเอเตอร์ขั้นสูงของ Traackr สำหรับผู้ขายไทยที่อยากเจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มบิวตี้และแฟชั่น ถือว่าเป็นอีกแพลตฟอร์มที่น่าลอง
6. IZEA Flex
แหล่งที่มา:IZEA Flex
เว็บหา Influencer IZEA Flex เป็นชุดเครื่องมือสำหรับบริหารจัดการครีเอเตอร์จาก IZEA ซึ่งเป็นเอเจนซี Influencer marketing ที่มีฐานข้อมูลอินฟลูเอนเซอร์ให้ใช้งานด้วย จุดเด่นคือมีฟังก์ชันบริหารรายชื่อคอนแทกต์ เครื่องมือฟังเสียงโซเชียล (Social Listening) ระบบสร้างแคมเปญ และเครื่องมือวัดผลหลากหลายแบบ เพื่อช่วยให้คุณจัดการและวัดผลลัพธ์ของการทำการตลาดกับอินฟลูเอนเซอร์ได้ครบวงจร
เหมาะกับ: แบรนด์ที่อยากเริ่มใช้โซลูชันระดับกลาง โดยมีแพ็กเกจเริ่มต้นที่ประมาณ 6,000 บาท/เดือน (165 ดอลลาร์สหรัฐ) และคิดค่าธรรมเนียมคงที่ครั้งละ 2 ดอลลาร์ต่อทรานแซกชัน IZEA Flex ยังมีเวอร์ชันทดลองฟรีให้ลองใช้งานก่อน จึงเหมาะกับผู้ขายไทยที่อยากทดสอบการทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ IZEA เป็นที่รู้จัก
7. YouTube BrandConnect
แหล่งที่มา:YouTube BrandConnect
YouTube BrandConnect คือเว็บหา Influencer marketing ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการหาครีเอเตอร์บน YouTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณสามารถหาครีเอเตอร์ได้แทบทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นความงาม แฟชั่น ฟิตเนส เกม เทคโนโลยี หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง
จุดเด่นของ YouTube BrandConnect คือการเชื่อมต่อกับ Google Ads โดยตรง พร้อมเครื่องมือ influencer marketing ที่ Google พัฒนาไว้เฉพาะ เช่น การเสนอสินค้าแบบเรียลไทม์ การติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญอย่างละเอียด และการค้นหาโอกาสในการเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate)
เหมาะกับ: ธุรกิจที่อยากสร้างโฆษณาร่วมกับ YouTuber โดยเฉพาะผู้ขายไทยที่อยากบุกตลาดสหรัฐฯ หรือยุโรป เนื่องจากระบบนี้ผูกกับ Google Ads จึงช่วยให้จัดการงบและวัดผลได้อย่างเป็นระบบ
8. Shoutcart
แหล่งที่มา:Shoutcart
เว็บหาอินฟลูฯ Shoutcart เป็นมาร์เก็ตเพลสที่ให้คุณ “ซื้อ Shoutout” (จ่ายเงินให้อินฟลูเอนเซอร์โปรโมตสินค้า) จากอินฟลูเอนเซอร์ได้โดยตรง จุดเด่นคือมีครีเอเตอร์ให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ระดับเล็กจนถึงเซเลบ ทำให้เหมาะกับทุกงบประมาณ แม้คุณจะมีงบจำกัดก็ยังเข้าถึงได้
แพลตฟอร์มนี้มีเครื่องมือช่วยบริหารจัดการและตรวจสอบอินฟลูเอนเซอร์ที่คุณอยากร่วมงาน เช่น สถิติการตลาดของแต่ละคน รวมถึง Influencer Score ที่ช่วยป้องกันการเจอผู้ติดตามปลอม ซึ่งอาจกระทบต่อการมองเห็นของแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย
เหมาะกับ: แบรนด์ที่อยากร่วมงานกับครีเอเตอร์ที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว (รวมถึงเซเลบ) สำหรับแคมเปญครั้งเดียว หรือใช้เสริมควบคู่กับการตลาดแบบ Affiliate ก็ได้
💰 ราคา: มีแพ็กเกจฟรีที่ให้คุณติดต่ออินฟลูเอนเซอร์ได้ 3 คนต่อเดือน และถ้าอยากไม่จำกัดเริ่มต้นที่ $49/เดือน (ประมาณ 1,700 บาท)
9. Influence.co
แหล่งที่มา: Influence.co
Influence.co เปรียบเสมือนเว็บไซต์รวมโปรไฟล์และพอร์ตโฟลิโอของอินฟลูเอนเซอร์ แต่ละคนสามารถโชว์ผลงานที่เคยทำกับแบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงช่องทางที่พวกเขามีฐานผู้ติดตาม คล้าย ๆ กับ LinkedIn เวอร์ชันครีเอเตอร์
สำหรับธุรกิจเล็ก นี่คือเว็บหา Influencer ที่เหมาะมาก เพราะคุณสามารถใช้งานได้ฟรีเพื่อเข้าถึงอินฟลูเอนเซอร์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การค้นหาแบบไม่จำกัด การดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลุ่มผู้ติดตาม หรือระบบจัดการแคมเปญ อาจอัปเกรดเป็น Pro Plan ที่ราคา $600/เดือน (ประมาณ 21,000 บาท)
เหมาะกับ: ธุรกิจขนาดเล็กที่อยากหาวิธีฟรีในการเชื่อมต่อกับอินฟลูเอนเซอร์คุณภาพ
10. CreatorIQ
แหล่งที่มา: CreatorIQ
CreatorIQ คือแพลตฟอร์มอินฟลูเอนเซอร์ระดับแอดวานซ์ ที่มีเครื่องมือครบตั้งแต่การวางแผนและจัดการแคมเปญ ไปจนถึงระบบรายงานผลและอินไซต์ที่เจาะลึก ช่วยให้ธุรกิจวัดผลลัพธ์จากการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ได้จริง
ฐานข้อมูลของ CreatorIQ ครอบคลุมมากกว่า 20 ล้านโปรไฟล์ จากทุกโซเชียลมีเดีย พร้อมฟิลเตอร์ที่ปรับแต่งได้ละเอียด ทำให้การค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
เหมาะกับ: แบรนด์ใหญ่ที่ต้องการระบบคล้าย CRM เพื่อบริหารจัดการฐานข้อมูลครีเอเตอร์จำนวนมาก และใช้ข้อมูลเชิงลึกช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ (ราคาคัสตอม เริ่มต้นราว $2,000/เดือน หรือประมาณ 70,000 บาท)
11. Sprout Social
แหล่งที่มา: Sprout Social
Sprout Social คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการโซเชียลมีเดียแบบครบวงจร แตกต่างจากหลายเครื่องมือในลิสต์นี้ที่โฟกัสเฉพาะด้านอินฟลูเอนเซอร์ แต่ Sprout มองว่า “การทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์” คือส่วนสำคัญของกลยุทธ์โซเชียลมีเดียที่สมบูรณ์
ในแพลตฟอร์มจะมีทั้ง
- ฐานข้อมูลอินฟลูเอนเซอร์ ให้ค้นหาและเลือกครีเอเตอร์
- เครื่องมือวิเคราะห์คู่แข่ง เพื่อช่วยวางแผนกลยุทธ์อินฟลูเอนเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น
- ระบบ CRM สำหรับอินฟลูเอนเซอร์ ช่วยติดตามและจัดการความสัมพันธ์กับครีเอเตอร์ที่คุณร่วมงานด้วย
เหมาะกับ: ธุรกิจที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีเครื่องมืออินฟลูเอนเซอร์ในตัว (ราคาเริ่มต้นที่ $249/เดือน หรือราว 8,700 บาท และสามารถเพิ่มฟีเจอร์ด้านอินฟลูเอนเซอร์เข้าไปในแพ็กเกจได้)
12. Brandwatch Influence

Brandwatch Influence มีเครื่องมือสำหรับทุกขั้นตอนของการทำการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ ตั้งแต่การค้นหาครีเอเตอร์ผ่านระบบ Discovery ที่ติดตามอินฟลูเอนเซอร์กว่า 24 ล้านคน ไปจนถึงการบริหารความสัมพันธ์กับครีเอเตอร์ รวมถึงการจ่ายค่าตอบแทน all-in-one ครบจบในแพลตฟอร์มเดียว
เหมาะกับ: ธุรกิจขนาดใหญ่ที่คุ้นเคยกับเครื่องมือ Consumer Intelligence และ Social Media Management ของ Brandwatch อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์พรีเมียมที่คิดราคาแบบ Custom Pricing คาดว่าต้องมีงบอย่างน้อยหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อเดือน (10,000 บาทขึ้นไป)
เทคนิคใช้เว็บหา Influencer แบบมือโปร ดันแคมเปญให้ไปไกลกว่าที่คิด
เว็บหา Influencer และแพลตฟอร์มการตลาดสายครีเอเตอร์ ช่วยให้การหาคนทำคอนเทนต์และจัดการงานร่วมกันง่ายขึ้น แต่ต่อให้เครื่องมือจะดีแค่ไหน ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ
มาดูทริคเล็กๆ ที่จะช่วยให้ใช้เครื่องมือได้เต็มประสิทธิภาพ
วางงบประมาณให้ชัด
การทำ Influencer Marketing ต้องใช้งบฯ แม้คุณจะใช้เครื่องมือฟรีอย่าง Shopify Collabs ก็ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับอินฟลูเอนเซอร์อยู่ดี
การทำงบประมาณชัดเจนช่วยให้วางกลยุทธ์ง่ายขึ้น เพราะงบจะเป็นตัวกำหนดว่า
- จะร่วมงานกับครีเอเตอร์กี่ราย และให้เรทได้แค่ไหน
- จะทำแคมเปญ Influencer Marketing แบบไหน และกี่ครั้ง
- จะเลือกใช้เครื่องมือใดในการบริหารจัดการแคมเปญ
ตัดสินใจว่าคุณอยากลงมือเองแค่ไหน
การทำงานกับ Influencer มีหลายวิธี การเลือกว่าคุณอยากคุมเองแค่ไหน จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เช่น หากคุณใช้ Shopify Collabs เพื่อทำ Affiliate Marketing คุณมี 2 ตัวเลือก วิธีแรกคือ คุณสามารถอนุมัติแอฟฟิลิเอตทีละคน (ซึ่งใช้เวลาและแรงมากขึ้น) หรือเปิดให้ทั้ง Shopify Network เข้าร่วมแคมเปญ (ครีเอเตอร์สมัครและสร้างโค้ดส่วนลดได้เองโดยไม่ต้องรออนุมัติ) ส่วนวิธีหลังจะสะดวกและเร็วกว่า ทำให้สร้างโปรแกรม Affiliate ได้แข็งแรงขึ้นในเวลาไม่นาน แต่ก็ต้องแลกกับการควบคุมน้อยลง
ติดตามและวัดผลแคมเปญ
หนึ่งในข้อได้เปรียบของการใช้เว็บหา Influencer คือ เครื่องมือส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ เมื่อเริ่มใช้งานแพลตฟอร์ม ควรตั้งระบบให้ติดตามและรายงานตัวเลขที่สำคัญต่อธุรกิจของคุณ
ประเมินผลลัพธ์ของแคมเปญ Influencer Marketing อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดือนละครั้ง และปรับกลยุทธ์เมื่อจำเป็น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเว็บหา Influencer
เว็บหา Influencer ไหนดีที่สุดสำหรับ Influencer Marketing?
เว็บหา Influencer ที่ดีที่สุดสำหรับ Influencer Marketing ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และงบประมาณของธุรกิจ สำหรับร้านค้า Shopify ตัวเลือกที่เหมาะที่สุดคือ Shopify Collabs เพราะใช้งานฟรี และช่วยให้จัดการแคมเปญ Affiliate Marketing ได้โดยตรงจากหลังบ้าน Shopify เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น คุณอาจพิจารณาใช้เครื่องมือระดับพรีเมียม เช่น Upfluence และ CreatorIQ
แพลตฟอร์มหลักที่ Influencer ใช้มีอะไรบ้าง?
แพลตฟอร์มยอดนิยมที่อินฟลูเอนเซอร์ใช้ในการทำงานร่วมกับแบรนด์และเว็บหา Influencer ได้แก่
- YouTube
- X
- TikTok
- บล็อก/เว็บไซต์
ตัวอย่างของ Influencer Marketing คืออะไร?
ตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนคือ Affiliate Marketing โดยธุรกิจจะให้โค้ดส่วนลดหรือ Affiliate Link เฉพาะกับอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อนำไปแชร์กับผู้ติดตาม ผ่านแพลตฟอร์มหรือเว็บหา Influencer เพื่อโปรโมตสินค้าและสร้างยอดขาย พร้อมรับค่าคอมมิชชัน
ทำไมต้องใช้เว็บหา Influencer?
เว็บหา Influencer ช่วยให้ธุรกิจค้นหา จัดการ และติดตามอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังมีระบบเก็บข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ละเอียด เพื่อให้คุณวัดผลและประเมินความสำเร็จของแคมเปญ Influencer Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


