คนไทยเกือบครึ่งดื่มกาแฟทุกวัน และมากกว่า 75% ดื่มอย่างน้อยเดือนละครั้ง ทำให้กาแฟเป็นหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มูลค่าตลาดกาแฟรวมในไทยปี 2024 อยู่ที่กว่า 206,000 ล้านบาท และยังเติบโตต่อเนื่องทั้งในรูปแบบกาแฟสด กาแฟแคปซูล และกาแฟพร้อมดื่ม อีกทั้งกระแสการสั่งซื้อกาแฟออนไลน์ก็กำลังมาแรง
ไม่ว่าคุณจะเป็นคอกาแฟในท้องถิ่นที่อยากขายกาแฟออนไลน์ หรือเป็นผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่เพิ่งเริ่มขายกาแฟ เราได้พัฒนาคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะช่วยคุณสร้างธุรกิจกาแฟออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ
เราจะมาเรียนรู้วิธีเริ่มต้นขายกาแฟออนไลน์ พร้อมรับเคล็ดลับ 5 ข้อเพื่อขยายธุรกิจกาแฟออนไลน์
ภาพโดย Brodie Vissers จาก Burst
6 ขั้นตอนเพื่อเริ่มขายกาแฟออนไลน์
- กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
- เลือกสินค้าที่จะขายในร้านกาแฟออนไลน์
- ตัดสินใจโมเดลธุรกิจ
- ค้นหาซัพพลายเออร์กาแฟ
- สร้างตัวตนของแบรนด์
- ก่อตั้งร้านกาแฟออนไลน์ของคุณ
หากคุณเป็นเจ้าของร้านกาแฟหรือผู้คั่วกาแฟที่ต้องการย้ายกิจร้านกาแฟมาขายกาแฟออนไลน์ คุณอาจต้องข้ามไปที่ขั้นตอนที่ 6 ได้เลย แต่ถ้านี่เป็นก้าวแรกสู่ธุรกิจกาแฟ เราจะเริ่มเส้นทางด้วยการนับ 1
1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อสร้างฐานลูกค้าชั้นดีในตลาดที่มีการแข่งขันสูง คุณจะต้องหากลุ่มเป้าหมายสำหรับธุรกิจกาแฟออนไลน์ของคุณก่อน โดยจะต้องพิจารณาความต้องการของผู้ดื่มกาแฟในตลาดเป้าหมายของคุณไปพร้อมกับการสร้างตัวตนให้แบรนด์ของคุณ
นี่คือคำถามที่คุณต้องถามตัวเองเพื่อหาตลาดเป้าหมายของคุณ
- ใครคือลูกค้าในอุดมคติของคุณ? ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าในอุดมคติของคุณซื้อเมล็ดกาแฟชนิดพิเศษจากแหล่งเดียวมาบดและชงเองที่บ้าน หรือพวกเขาเลือกแบบที่สะดวก เช่น กาแฟแคปซูลเอสเพรสโซ่ หรือกาแฟบด พวกเขากำลังติดตามเทรนด์กาแฟแบบใดบนโซเชียลมีเดีย
- อะไรคือความต้องการและปัญหาของพวกเขา? ยกตัวอย่างเช่น คอกาแฟในตลาดเป้าหมายของคุณมีปัญหาในการหาเมล็ดกาแฟชนิดพิเศษที่มีรสชาติอย่างเฮเซลนัทหรือไม่ หรือการหาเมล็ดกาแฟไร้คาเฟอีนชนิดพิเศษนั้นยากแค่ไหน ในกรณีนี้ คุณอาจตัดสินใจเข้าสู่ตลาดเฉพาะกลุ่มของเมล็ดกาแฟแบบปรุงแต่งรสชาติหรือกาแฟไร้คาเฟอีน
David Abrahamovitch ผู้ก่อตั้ง Grind ร้านกาแฟที่ขยายไปสู่การขายกาแฟออนไลน์ให้กับผู้บริโภคโดยตรงได้พูดถึงวิธีที่บริษัทของเขาค้นหากลุ่มลูกค้าและปัญหาของพวกเขาในตอนหนึ่งของ Shopify Masters ไว้ว่า
“ผมคิดว่าเราอยากเป็นร้านกาแฟที่ไม่ใช่ร้านที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกแปลก ๆ เพราะไม่รู้ว่าอยากได้กาแฟกัวเตมาลาหรือเอธิโอเปียแบบแห่งเดียวกันแน่ มันเหมือนกับว่า 'ผมแค่อยากได้แฟลตไวท์ แต่ผมอยากให้มันดีกว่ากาแฟของร้านข้าง ๆ มาก แต่ผมก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเรียนรู้เรื่องกาแฟนะ' นั่นแหละคือลูกค้าที่เราต้องการ”
Grind ก้าวหน้ามาไกลตั้งแต่เปิดร้านสาขาแรกในลอนดอน แต่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังคงรักษาความสนใจของกลุ่มเป้าหมายไว้ได้ และเอกลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่งของ Grind ที่ตอบโจทย์ลูกค้าประจำเหล่านั้น
“ผมรู้ว่าเรามีแบรนด์ที่ทุกคนรัก พวกเขาไม่ได้แค่ชอบ แต่รักเลย และนี่คือสิ่งที่พิเศษจริง ๆ”
2. เลือกสินค้าที่จะขายในร้านกาแฟออนไลน์
การขายกาแฟออนไลน์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การขายเมล็ดกาแฟคั่วเท่านั้น คุณอาจลองขายแคปซูลกาแฟ กาแฟสำเร็จรูป เหยือกกาแฟโคลด์บรูว์ กาแฟกระป๋องแบบพร้อมดื่ม หรือแม้แต่อุปกรณ์ชงกาแฟ
เมื่อคุณเลือกสินค้าที่จะขาย ลองถามตัวเองดูว่าสินค้าของเราจะช่วยแก้ปัญหาอะไรให้กับลูกค้าในอุดมคติได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น Grind ตัดสินใจพัฒนานวัตกรรมแคปซูลกาแฟ Nespresso เพื่อให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยที่ยังชงดื่มได้อย่างสะดวกสบาย
เดวิดกล่าวว่า “เราต้องหาวิธีนำ Grind ออกจากหน้าร้านจริงไปสู่บ้านของลูกค้า เราจึงเริ่มศึกษาเรื่องนี้ และผมตัดสินใจว่าการทำแคปซูลกาแฟ Nespresso เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่จะเข้าถึงบ้านของผู้คน เพราะแคปซูลกาแฟ Nespresso นั้นสะดวกสบาย ใช้งานง่าย และไม่เลอะเทอะด้วย แต่ข้อเสียคือส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมาก มีแคปซูลกาแฟแค่ไม่ถึงหนึ่งในสามเท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล ดังนั้นแคปซูลกาแฟ 29,000 แคปซูลจึงถูกฝังกลบทุกนาที”
เดวิดและทีมงาน Grind ชื่นชอบไอเดียแคปซูลกาแฟ แต่ก็ไม่ต้องการเพิ่มปัญหาสิ่งแวดล้อมที่หนักหนาอยู่แล้ว พวกเขาจึงมองหาวิธีแก้ปัญหา และสร้างสรรค์แคปซูลกาแฟที่ย่อยสลายได้
พวกเขาทุ่มทุนกับสินค้าใหม่นี้และผลลัพธ์ก็คุ้มค่า ด้วยวิสัยทัศน์และจังหวะเวลาที่เหมาะสม เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 และลูกค้าประจำไม่สามารถมาใช้บริการที่ร้านกาแฟของ Grind ได้ ความต้องการขายกาแฟออนไลน์ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
3. ตัดสินใจโมเดลธุรกิจ
โดยทั่วไปแล้ว ร้านกาแฟออนไลน์จะจัดหากาแฟคั่วให้กับลูกค้าด้วย 1 ใน 3 วิธีคือ 1. คั่วกาแฟเอง 2. ขายต่อจากแบรนด์กาแฟขายส่งหรือ 3. ดรอปชิป (การขายต่อในอีกรูปแบบหนึ่ง)
- คั่วกาแฟเอง - คือการที่คุณซื้อเมล็ดกาแฟจากซัพพลายเออร์และคั่วเมล็ดกาแฟเอง ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมขั้นตอนนี้ได้อย่างเต็มที่ในกระบวนการผลิต หากคุณคั่วเมล็ดกาแฟเอง เมล็ดกาแฟของคุณจะเป็นรากฐานของสินค้ากาแฟของคุณทุกตัว
- ขายต่อจากผู้ค้าส่ง - การขายต่อจากผู้ค้าส่ง ในรูปแบบนี้ คุณจะซื้อเมล็ดกาแฟคั่วหรือเครื่องดื่มกาแฟสำเร็จรูปจากผู้ค้าส่ง จัดเก็บ และจัดส่งให้ลูกค้าด้วยตนเอง หากคุณเลือกขายกาแฟออนไลน์ด้วยวิธีนี้ คุณจะต้องคำนึงถึงต้นทุนการจัดเก็บและการขนส่ง และคุณจะต้องพัฒนากลยุทธ์การจัดการสินค้าคงคลังเพื่อให้มีสินค้าพร้อมขายและลดการเน่าเสียให้น้อยที่สุด
- ดรอปชิป - คุณสามารถจ้างผู้ให้บริการจัดเก็บและจัดส่งสินค้าให้กับซัพพลายเออร์กาแฟขายส่ง ในรูปแบบธุรกิจนี้ คุณจะยังควบคุมการตลาดของคุณได้ แต่จะต้องมอบหน้าที่ควบคุมคุณภาพให้กับพาร์ทเนอร์ดรอปชิปที่เชื่อถือได้
อุปกรณ์คั่วกาแฟอาจมีราคาแพงและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการใช้ หากคุณมีเงินทุนและความสนใจในกาแฟคั่ว หรือเป็นเจ้าของร้านกาแฟที่มีระบบที่คุ้นเคยอยู่แล้ว วิธีนี้อาจเหมาะกับคุณ หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกที่ง่ายกว่าและไม่ต้องลงมือทำเองมากนัก คุณอาจเลือกวิธีขายต่อหรือดรอปชิปแทนการต้องแข่งขันกับผู้คั่วกาแฟรายอื่น
4. ค้นหาซัพพลายเออร์กาแฟ
เมล็ดกาแฟหลัก ๆ แล้วมีอยู่ 4 ประเภทคือ 1. อาราบิก้า 2. ลิเบอริกา 3. โรบัสต้า และ 4. เอ็กเซลซ่า โดยอาราบิก้าเป็นประเภทเมล็ดกาแฟที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีส่วนแบ่งรายได้เกือบ 60% ในตลาดกาแฟ ทั้งนี้ เมล็ดกาแฟแต่ละประเภทนั้นมีรูปแบบรสชาติที่แตกต่างกัน คุณควรเลือกเมล็ดที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเป้าหมายของคุณ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ชื่นชอบกาแฟอาจสนใจลองเมล็ดกาแฟที่ไม่ใช่อาราบิก้า
นี่คือสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อต้องเลือกซัพพลายเออร์กาแฟ
- คุณภาพสินค้า - ขอให้ซัพพลายเออร์ส่งตัวอย่างสินค้ามาให้คุณเพื่อดูว่าสินค้ากาแฟของพวกเขาตรงตามมาตรฐานของคุณหรือไม่
- การบริการลูกค้า - ซัพพลายเออร์ของคุณควรสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับวิธีการจัดหาและเตรียมเมล็ดกาแฟของพวกเขาได้ หากมีปัญหาเกิดขึ้นเกี่ยวกับความพร้อมหรือคุณภาพในอนาคต คุณควรไว้วางใจให้ซัพพลายเออร์ของคุณสื่อสารปัญหาได้อย่างชัดเจน
- ราคา - เปรียบเทียบราคาของซัพพลายเออร์หลายเจ้าเพื่อค้นหาซัพพลายเออร์ที่ช่วยให้คุณทำกำไรจากสินค้าของคุณได้ เพื่อที่จะดูว่าคุณจะสามารถทำกำไรได้หรือไม่ คุณอาจต้องออกแบบกลยุทธ์การตั้งราคาเบื้องต้นสำหรับร้านกาแฟออนไลน์ของคุณ
คุณอาจต้องการร่วมมือกับเกษตรกรกาแฟ เพียงแต่ต้องรู้ว่าการสร้างความสัมพันธ์ตรงนี้อาจใช้เวลานาน ในตอนหนึ่งของ Shopify Masters อารอน แซ็ค รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และโครงการเชิงกลยุทธ์ของโรงคั่วกาแฟ Propeller Coffee ในโตรอนโต ได้พูดถึงวิธีที่ธุรกิจกาแฟของเขาเริ่มร่วมงานกับฟาร์มในบราซิล
“ในแง่ของวิธีที่เราสร้างความสัมพันธ์เหล่านั้น มันยาก เพราะเราเป็นโรงคั่วกาแฟขนาดเล็กในแคนาดาที่ตั้งอยู่ในฝั่งตะวันตกของโตรอนโต ดังนั้นเราจึงต้องทำงานผ่านชุมชนของซัพพลายเออร์และนายหน้าและคนกลางอื่น ๆ เพื่อหาฟาร์มเหล่านั้นและสานสัมพันธ์ ดังนั้นในช่วง 8 ปีครึ่งที่เราคั่วกาแฟ ตอนนี้เรามีความสัมพันธ์อันดีกับฟาร์มครอบครัวที่ยอดเยี่ยมในบราซิล ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศในบราซิลมากว่า 25 ปีแล้ว”
สิ่งสำคัญคือ คุณควรพิจารณาถึงผลกระทบทางจริยธรรมของการค้ากาแฟด้วย ทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและต่อแรงงาน Fairtrade America ให้การรับรองแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์กาแฟที่จัดหาอย่างมีจริยธรรม หากความมุ่งมั่นต่อประเด็นปัญหาต่าง ๆ เช่น ความยั่งยืนและความรับผิดชอบทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณและตลาดเป้าหมายของคุณ ให้พิจารณาให้แบรนด์กาแฟของคุณได้รับการรับรอง และอย่าลืมพูดถึงความมุ่งมั่นในการจัดหาอย่างมีจริยธรรมในกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์และค่านิยมที่ส่งถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณด้วย
“กาแฟที่ดีต้องปลูกโดยเกษตรกรที่ใส่ใจ และไม่เพียงแค่ใส่ใจพืช กาแฟ และสิ่งแวดล้อมที่ปลูกเท่านั้น แต่ยังต้องใส่ใจคนงานและชุมชนที่ปลูกกาแฟด้วย” อารอนกล่าวทิ้งท้าย
ภาพโดย Brodie Vissers จาก Burst
5. สร้างตัวตนของแบรนด์
การสร้างตัวตนของแบรนด์ที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมกาแฟ ลูกค้านั้นอยากได้กาแฟอยู่แล้ว คุณแค่ต้องทำให้พวกเขาต้องการกาแฟจากคุณ หลังจากที่คุณเจาะจงตลาดเฉพาะของคุณแล้ว คุณจะต้องปรับการตลาดแบรนด์ของคุณให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
- กำหนดคุณค่าที่นำเสนอ - ผลิตภัณฑ์ของคุณมอบคุณค่าอะไรให้กับลูกค้า และผลิตภัณฑ์ของคุณแตกต่างจากแบรนด์กาแฟอื่น ๆ อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นความมุ่งมั่นในการทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืน การเน้นเมล็ดกาแฟคั่วสด หรืออะไรก็ตาม อย่าลืมสื่อสารคุณค่าที่คุณนำเสนอให้กับลูกค้าอย่างชัดเจน
- เลือกชื่อและสโลแกน - เลือกชื่อร้านและโดเมนเว็บไซต์ที่น่าจดจำและสื่อถึงสิ่งที่คุณขายออนไลน์ รวมถึงจิตวิญญาณของแบรนด์และพันธกิจด้วย หรือถ้าคุณอยากตั้งสโลแกน คุณก็สามารถทำได้ด้วยเครื่องมือสร้างสโลแกนฟรีของ Shopify
- สร้างน้ำเสียงของแบรนด์ - เลือกน้ำเสียงของแบรนด์และนำไปใช้ในสื่อการตลาดทุกตัวเพื่อรักษาความสม่ำเสมอในแบรนด์ของคุณ ลองถามตัวเองว่าลูกค้าในอุดมคติของฉันพูดถึงกาแฟอย่างไร จากนั้นคุณอาจตัดสินใจเลียนแบบผู้ซื้อเป้าหมายของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณขายกาแฟออนไลน์ให้กับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟที่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟแต่ละชนิด คุณอาจเลือกใช้เสียงแนววิทยาศาสตร์และใช้ศัพท์เฉพาะทางในวงการเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญ หรือถ้าหากเป้าหมายของคุณคือการดึงดูดนักดื่มกาแฟที่ยังไม่คุ้นเคยกับวงการนี้มากนัก คุณอาจต้องการสร้างบุคลิกภาพของแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายและให้ความรู้อย่างเป็นมิตร
- ออกแบบตัวตนของแบรนด์ที่มองเห็นได้ - เลือกโลโก้ สีแบรนด์ และแบบอักษร และใช้การสร้างแบรนด์ที่ชัดเจนและสอดคล้องกันในทุกด้านของแบรนด์ องค์ประกอบเหล่านี้ของการออกแบบแบรนด์สามารถทำให้บริษัทของคุณเป็นที่จดจำได้ทันทีสำหรับลูกค้าและช่วยให้คุณโดดเด่นเหนือคู่แข่ง
ภาพโดย Brodie Vissers จาก Burst
6. ก่อตั้งค่าร้านกาแฟออนไลน์ของคุณ
ไม่ว่าคุณจะต้องการนำร้านกาแฟที่มีอยู่แล้วมาสู่ออนไลน์หรือเริ่มธุรกิจกาแฟออนไลน์ใหม่ตั้งแต่ต้น ให้พิจารณาขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเริ่มขายกาแฟออนไลน์
- เลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ - คุณสามารถตั้งร้านกาแฟออนไลน์ของคุณด้วยการทดลองใช้ฟรี 3 วันจาก Shopify โดยเลือกแพ็กเกจราคาเพื่อเริ่มต้น
- เลือกธีมและปรับแต่ง - หากคุณใช้ Shopify คุณสามารถไปที่ร้านค้าธีม Shopify เพื่อค้นหาธีมการออกแบบเว็บไซต์ที่เหมาะกับตัวตนแบรนด์ที่มองเห็นได้ของคุณ จากนั้นคุณสามารถปรับแต่งธีมเพื่อสร้างตัวตนแบรนด์ที่มองเห็นได้อย่างโดดเด่นสำหรับธุรกิจกาแฟของคุณ
- ตั้งค่าส่วนสำคัญของหน้าเว็บ - ให้ความสำคัญกับการออกแบบโฮมเพจของคุณ จากนั้นเพิ่มหน้าที่สำคัญ เช่น คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจัดส่ง, นโยบายการคืนสินค้า และหน้าติดต่อเรา การอ้างอิงร้านกาแฟอื่น ๆ และผู้คั่วกาแฟในท้องถิ่นอาจช่วยให้คุณเห็นวิธีที่พวกเขาจัดระเบียบเว็บไซต์เพื่อขายกาแฟออนไลน์
- เพิ่มสินค้าและคอลเลกชัน - ถ่ายภาพสินค้า เขียนคำบรรยายสินค้า และเริ่มสร้างหน้ารายการสินค้าของคุณ จัดระเบียบสินค้าของคุณให้เป็นคอลเลกชันและสินค้าที่โดดเด่น เพื่อให้ลูกค้าค้นหาร้านกาแฟออนไลน์ของคุณได้ง่ายขึ้น
- ตั้งค่าตัวเลือกการจัดส่ง - เลือกบริการจัดส่ง เช่น Shopify Shipping เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าของคุณจะได้รับผลิตภัณฑ์กาแฟอย่างรวดเร็วและในราคาถูก คุณอาจพิจารณาถึงการตั้งค่าตัวเลือกการจัดส่งใกล้บ้านสำหรับลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียง
- ตั้งค่าตัวเลือกการชำระเงิน - อย่าลืมเปิดใช้งานผู้ประมวลผลการชำระเงิน เช่น Shopify Payments เพื่อให้คุณสามารถเริ่มรับการชำระเงินจากลูกค้าร้านกาแฟออนไลน์ของคุณได้ ตัดสินใจว่าคุณต้องการรับวิธีการชำระเงินของลูกค้าแบบใด จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าชำระเงินของคุณแสดงตัวเลือกเหล่านั้นอย่างชัดเจนให้ลูกค้าเห็น
ภาพโดย Matthew Henry จาก Burst
วิธีขยายธุรกิจขายกาแฟออนไลน์
- สร้างกลยุทธ์การตลาดกาแฟ
- เล่าเรื่องราว
- มองหาความร่วมมือกับแบรนด์
- เพิ่มความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ของคุณ
- ขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมกาแฟ
เมื่อคุณเปิดร้านกาแฟออนไลน์ของคุณแล้ว สิ่งสำคัญคือการหาวิธีสร้างสรรค์เพื่อช่วยให้ธุรกิจกาแฟออนไลน์ของคุณเติบโต
นี่คือเคล็ดลับการเติบโตสำหรับร้านกาแฟออนไลน์ห้าข้อเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้น
1. สร้างกลยุทธ์การตลาดกาแฟ
เมื่อร้านกาแฟออนไลน์ของคุณเปิดให้บริการแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำให้ลูกค้าเป้าหมายรู้จักด้วยการพัฒนากลยุทธ์การตลาด
เริ่มต้นด้วยการดูว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณมีความเคลื่อนไหวที่ไหนในโลกออนไลน์และคอนเทนต์แบบไหนที่พวกเขาอยากเห็นจากแบรนด์กาแฟของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นร้านกาแฟที่มีรายชื่ออีเมลและผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว คุณอาจลองทำการตลาดผ่านอีเมลและการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย หากคุณเป็นมือใหม่ ตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมในการเปิดบัญชีโซเชียลมีเดียให้กับบริษัทกาแฟของคุณและเริ่มสร้างฐานผู้ติดตาม
ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำอะไรกับกลยุทธ์การตลาดของคุณ อย่ามองข้ามพลังของการแสดงผลบนผลการค้นหาของ Google การมีโปรไฟล์ธุรกิจ Google ของคุณเองเป็นวิธีหนึ่งที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการอัปเดตรายชื่อธุรกิจของคุณทางออนไลน์และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ คุณควรลงทุนในกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO) ที่จะช่วยให้ธุรกิจกาแฟออนไลน์ของคุณปรากฏในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาที่เกี่ยวข้อง (SERP) การพัฒนากลยุทธ์ SEO เป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการตลาดแบบคอนเทนต์ที่จะช่วยให้คุณสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นของแบรนด์กาแฟของคุณ
2. เล่าเรื่องราว
ในตลาดกาแฟที่มีการแข่งขันสูง คุณสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่น (ไปพร้อมกับการมอบคุณค่าให้กับลูกค้า) ได้ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ของคุณและให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟแก่กลุ่มเป้าหมายของคุณ
Propeller Coffee คือตัวอย่างของบริษัทได้เปลี่ยนจากโมเดลธุรกิจที่เน้นขายส่งเป็นการขายตรงให้กับผู้บริโภค (DTC) ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ในตอนหนึ่งของ Shopify Masters แอรอน แซ็ค ได้พูดถึงความแตกต่างของการทำการตลาดบริษัทอีคอมเมิร์ซกับการทำการตลาดธุรกิจขายส่ง และวิธีที่เขาตระหนักถึงความสำคัญของการเล่าเรื่องในวงการกาแฟอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง
“วิธีที่เรามุ่งเน้นการเล่าเรื่องคือการเป็นเนิร์ดให้เท่า ๆ กับที่เราเป็น ในการเล่าเรื่องของเรานั้นมีข้อเท็จจริงมากมาย รวมถึงการศึกษาและข้อมูลมากมายเกี่ยวกับกาแฟหรือกระบวนการของเรา ไม่ว่าจะพูดถึงเรื่องอะไร เราพยายามมุ่งเน้นไปที่หัวข้อนั้น ๆ มากกว่าตัวเราเอง มีบ้างที่ผู้คนอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเรา แต่ส่วนใหญ่ผมคิดว่าพวกเขาอยากเรียนรู้”
3. มองหาความร่วมมือกับแบรนด์
การสร้างพันธมิตรเป็นวิธีที่ดีในการนำเสนอกาแฟของคุณให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ยกตัวอย่าง Grind ที่ได้พัฒนาความร่วมมือกับ Soho House ซึ่งเป็นเครือโรงแรมและคลับระดับโลก Grind เป็นผู้จัดหากาแฟให้กับ Soho House ทุกสาขา และ Soho House ก็ให้บริการกาแฟ Grind ในห้องพักโรงแรม นับเป็นความสัมพันธ์ที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย
เพียงแต่ต้องแน่ใจว่าได้สร้างพันธมิตรที่สอดคล้องกับฐานลูกค้าและอัตลักษณ์ของแบรนด์ ตัวอย่างเช่น เดวิดได้พิจารณาฐานลูกค้าปัจจุบันของ Grind และอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่เกิดในลอนดอนเมื่อตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับ Soho House
“ลูกค้าหลายรายของเราเป็นสมาชิกของ Soho House อยู่แล้ว เรามีค่านิยมร่วมกันหลายอย่าง และผมคิดว่าเราเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างชัดเจนในฐานะแบรนด์ที่เกิดในลอนดอน เช่นเดียวกับที่ผมคิดว่า Soho House กำลังนำเสนอความเป็นลอนดอนในหลาย ๆ ด้าน”
4. เพิ่มความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ของคุณ
เมื่อคุณเริ่มต้นร้านกาแฟออนไลน์ของคุณเองแล้ว ลองวางแผนขยายผลิตภัณฑ์ของคุณไปเรื่อยๆ นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีในการวางกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของร้าน และกำหนดเป้าหมายว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อไหร่
- เครื่องทำกาแฟและอุปกรณ์เสริม - ลองพิจารณาขายชุดอุปกรณ์ชงกาแฟ เช่น กาต้มน้ำ อุปกรณ์ดริปกาแฟ หรือเครื่องชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรส
- ผลิตภัณฑ์อาหาร - คุกกี้ เมล็ดกาแฟเคลือบช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตแท่ง อาจช่วยเสริมผลิตภัณฑ์กาแฟของคุณได้
- เครื่องดื่มอื่นๆ - ลองพิจารณาขายเครื่องดื่มอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ชาและช็อกโกแลตร้อน
- สินค้าแบรนด์ - เมื่อคุณสร้างเอกลักษณ์ทางภาพลักษณ์ของแบรนด์แล้ว คุณอาจต้องการขายสินค้าแบรนด์ เช่น แก้วกาแฟ เสื้อยืด หรือกระเป๋าผ้าที่มีชื่อและโลโก้ธุรกิจกาแฟของคุณ
5. ขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมกาแฟ
เมื่อธุรกิจกาแฟออนไลน์ของคุณเติบโตขึ้น คุณอาจต้องการพิจารณาเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ในตลาดกาแฟ
เจมส์ ฮอฟฟ์มันน์ ผู้สร้างอาชีพกาแฟมายาวนานถึง 20 ปี ฮอฟฟ์มันน์คว้าแชมป์โลกบาริสต้า บริหารแบรนด์กาแฟแบบขายตรงถึงผู้บริโภค (DTC) อย่าง Square Mile Coffee Roasters ที่ขายตรงให้กับผู้บริโภค และมีร้านกาแฟที่มีหน้าร้านชื่อ Prufrock Coffee นอกจากนี้เขายังเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้านการศึกษาเกี่ยวกับกาแฟที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2 ล้านคนบน YouTube
เจมส์ขยายธุรกิจของเขาไปสู่ธุรกิจสินค้าและของสะสมเกี่ยวกับกาแฟด้วย Tens Hundreds Thousands โดยเจมส์กล่าวในรายการ Shopify Masters ไว้ว่า “ผมคิดไอเดียผลิตภัณฑ์สำหรับชุดลูกเต๋าที่จะช่วยคุณทำสูตรชงกาแฟได้”
แต่การขายกาแฟและสินค้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดการกับการจัดส่งสินค้า กลับกลายเป็นความท้าทายครั้งใหม่สำหรับเจมส์ “ตอนนั้นผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยัดซองจดหมายนับพันใบด้วยมือ แล้วผมก็คิดว่า ‘นี่มันงานน่าเบื่อจริงๆ เลย ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้’” เจมส์กล่าว เขาตัดสินใจเริ่มใช้คลังสินค้าจากภายนอกและลองใช้ โมเดลการพิมพ์ตามสั่งซึ่งผสานการทำงานเข้ากับร้าน Shopify ของแบรนด์
ปัจจุบัน บริษัทจำหน่ายโปสเตอร์ธีมกาแฟ เซรามิกทำพิเศษ และเสื้อผ้าในรูปแบบต่าง ๆ นับสิบ ร้อย และพันชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงชื่อบริษัท โดยรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นนี้ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเจมส์กลายเป็นของสะสมที่เป็นที่ต้องการ ซึ่งช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของแบรนด์
ภาพโดย Nicole De Khors จาก Burst
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการขายกาแฟออนไลน์
เราสามารถทำเงินจากการขายกาแฟออนไลน์ได้หรือไม่?
ได้ คุณมีหลายวิธีในการสร้างรายได้จากการขายกาแฟออนไลน์ ตัวอย่างเช่น คุณอาจใช้ซัพพลายเออร์ดรอปชิปกาแฟเพื่อขายเมล็ดกาแฟดิบ หรือขายเครื่องดื่มกาแฟบรรจุขวดโฮมเมดก็ได้
การขายกาแฟออนไลน์ทำกำไรได้หรือไม่?
คนไทยดื่มกาแฟกันมากขึ้นทุกปี เกือบครึ่งหนึ่งดื่มกาแฟทุกวัน และตลาดกาแฟในไทยก็มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ความนิยมที่แพร่หลายนี้ทำให้ธุรกิจกาแฟออนไลน์มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแข่งขันสูงเช่นกัน หากอยากทำกำไร คุณต้องสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่แตกต่าง บริการจัดส่งที่รวดเร็ว หรือการทำตลาดออนไลน์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด อีกทั้งควรจัดการต้นทุนและการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
จะขยายธุรกิจกาแฟออนไลน์ได้ยังไง?
คุณสามารถขยายธุรกิจกาแฟออนไลน์ของคุณได้โดยการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ ๆ สร้างพันธมิตร และมุ่งเน้นไปที่การเล่าเรื่องและความพยายามทางการตลาดที่เน้นให้ความรู้
เราสามารถทำธุรกิจขายกาแฟจากที่บ้านได้หรือไม่?
คุณสามารถทำธุรกิจกาแฟจากที่บ้านได้หากคุณทำแบบดรอปชิป เพราะคุณไม่จำเป็นต้องคั่วเมล็ดกาแฟและจัดเก็บผลิตภัณฑ์เอง หากคุณวางแผนจะคั่วเมล็ดกาแฟหรือผลิตกาแฟเอง คุณก็ยังทำจากที่บ้านได้ แต่คุณจะต้องมีพื้นที่สำหรับผลิตและจัดเก็บผลิตภัณฑ์กาแฟด้วย


