แสงเทียนอุ่นๆ สามารถเปลี่ยนบรรยากาศให้ห้องดูมีชีวิตชีวา สร้างบรรยากาศและความรู้สึกสบายได้เพียงแค่กระพริบตา สำหรับทามารา เมย์น จาก Brooklyn Candle แสงเทียนนั้นเปรียบเสมือนไฟที่จุดประกายให้เกิดธุรกิจเทียนขึ้นมา โดยเธอกล่าวว่า “ฉันเริ่มทำเทียนเพื่อความสนุก และตอนแรกมันก็เป็นแค่งานอดิเรก มันเป็นของที่ฉันเริ่มทำเป็นของขวัญคริสต์มาสเมื่อปีก่อน”
เธอไม่รู้เลยว่างานอดิเรกนี้จะส่องประกายสู่เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการ เปลี่ยนความหลงใหลให้กลายเป็นธุรกิจที่รุ่งเรือง
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำเทียน DIY ที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ๆ หรือเป็นผู้ประกอบการที่พร้อมจะเริ่มต้นธุรกิจเทียนอย่างเต็มตัว เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโลกที่อบอุ่นและน่าดึงดูดของผู้ผลิตเทียน ที่ซึ่งความคิดสร้างสรรค์มาบรรจบกับการค้าขาย และยอดขายแต่ละครั้งจะช่วยกระจายแสงสว่างไปทั่วโลก
หากคุณกำลังมองหาผู้ขายส่งเทียน บทความนี้จะให้คำแนะนำและช่วยคุณค้นหาผู้จำหน่ายเทียนที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
ลิสต์ 6 ร้านขายส่งเทียนที่ดีที่สุด
ผู้ขายส่งเทียนที่เหมาะกับคุณนั้นจะขึ้นอยู่กับงบประมาณ แบรนด์ และความต้องการสินค้าของคุณ เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นขายเทียน นี่คือผู้ขายส่งเทียนที่น่าสนใจ
1. คามากาเมท (Karmakamet)
Karmakamet เป็นแบรนด์เทียนหอมและอโรมาเธอราพีสัญชาติไทยที่ก่อตั้งมากว่า 20 ปี โดดเด่นด้านกลิ่นที่ซับซ้อนและบรรจุภัณฑ์หรูหรา เทียนหอมของ Karmakamet ทำจากขี้ผึ้งผสมคุณภาพสูง ให้กลิ่นกระจายได้ยาวนานและสม่ำเสมอ จุดแข็งอยู่ที่กลิ่นซิกเนเจอร์ เช่น Oriental Herb, Siamese Lemongrass และกลิ่นดอกไม้ไทย เทียนหอมของแบรนด์ถูกใช้ในโรงแรม ร้านสปา และรีสอร์ทชั้นนำทั่วประเทศ และยังมีบริการขายส่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการสต็อกสินค้าเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ
2. ปัญญ์ปุริ
Panpuri เป็นแบรนด์ออร์แกนิกและสปาสัญชาติไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น น้ำหอม, สกินแคร์ และเทียนหอม เทียนของ Panpuri ผลิตจากขี้ผึ้งถั่วเหลือง 100% ปราศจากพาราฟินและสารเคมีอันตราย ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสุขภาพ เหมาะกับธุรกิจโรงแรมและสปาที่ต้องการสินค้าในระดับพรีเมียม บริษัทมีโปรแกรม B2B และขายส่งที่สามารถสั่งซื้อได้ในปริมาณมาก พร้อมบริการ Private Label สำหรับลูกค้าที่ต้องการสร้างกลิ่นหรือบรรจุภัณฑ์เฉพาะแบรนด์
3. บาธ แอนด์ บลูม (Bath & Bloom)
Bath & Bloom เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไทยที่โดดเด่นด้านผลิตภัณฑ์สปาและอโรมา เทียนหอมของ Bath & Bloom มีกลิ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพืชและผลไม้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มะกรูด ตะไคร้ มะลิ และมะม่วง จุดขายสำคัญคือกลิ่นสดชื่นและเป็นเอกลักษณ์แบบไทย ๆ เทียนของแบรนด์นี้ถูกวางขายทั้งในห้างสรรพสินค้าและร้านสปา และยังเปิดช่องทางขายส่งให้ผู้ค้าปลีกหรือผู้ประกอบการที่ต้องการนำสินค้าไปจำหน่ายต่อ โดยมี MOQ (ขั้นต่ำการสั่งซื้อ) ที่เข้าถึงได้สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
4. สบายอารมณ์
สบายอารมณ์ เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อโรมาและเครื่องหอมที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ จุดเด่นคือการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและการออกแบบกลิ่นที่สะท้อนความเป็นไทย เทียนหอมของ Sabai Arom เน้นความเป็นออร์แกนิกและความหอมที่ชวนผ่อนคลาย ทำให้ได้รับความนิยมในธุรกิจสปาและร้านกิฟต์ช็อป บริษัทมีช่องทางขายส่งและกระจายสินค้าทั้งในห้างค้าปลีกและแพลตฟอร์มออนไลน์ เหมาะสำหรับผู้ค้ารายย่อยที่ต้องการสินค้ามีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือในตลาด
5. ตลาดสำเพ็ง
ตลาดสำเพ็งในกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการค้าส่งสินค้าทุกประเภท รวมถึงเทียน เทียนที่สำเพ็งมีทั้งเทียนหอม เทียนแฟนซี และเทียนไหว้พระ ราคามีตั้งแต่หลักไม่กี่บาทต่อชิ้นหากสั่งจำนวนมาก จุดเด่นคือความหลากหลายและราคาที่ถูกกว่าตลาดทั่วไป เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจด้วยงบจำกัด การซื้อจากสำเพ็งสามารถต่อรองราคาได้ โดยผู้ค้าส่วนใหญ่จะกำหนด MOQ ประมาณ 10–20 ชิ้นขึ้นไปต่อแบบ ทำให้เหมาะทั้งร้านค้าเล็กและผู้ที่ต้องการทดลองตลาด
6. ตลาดจตุจักร
ตลาดจตุจักรเป็นอีกหนึ่งแหล่งค้าส่งที่มีชื่อเสียงในด้านงานทำมือและสินค้าหัตถกรรม รวมถึงเทียนหอมและเทียนแฟนซีที่ผลิตโดยช่างฝีมือรายย่อย เทียนจากจตุจักรมีความหลากหลายด้านดีไซน์และกลิ่น ตั้งแต่เทียนอโรมาไปจนถึงเทียนตกแต่งแฟนซีในภาชนะเซรามิกหรือแก้ว จุดเด่นคือสามารถสั่งทำพิเศษหรือปรับแต่งสินค้าได้ตามความต้องการของร้านค้า ราคาขายส่งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดและวัสดุ แต่โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ประมาณ 30–50 บาทต่อชิ้นเมื่อสั่งจำนวนมาก
วิธีค้นหาและเลือกผู้ขายส่งเทียน
- ตัดสินใจว่าจะขายเทียนแบบไหน
- ดูส่วนผสมของเทียน
- ค้นหาซัพพลายเออร์ที่มีสินค้าที่เหมาะสม
- เลือกซัพพลายเออร์เทียนที่พร้อมเติบโตไปกับคุณ
- คำนึงถึงค่าธรรมเนียมการนำเข้า
- ตรวจสอบซัพพลายเออร์เทียน
นี่คือข้อพิจารณาที่ควรคำนึงถึงเมื่อคุณสำรวจผู้ขายเทียน
1. ตัดสินใจว่าจะขายเทียนแบบไหน
ประเภทของเทียนนั้นมีให้คุณเลือกได้แบบไม่จำกัด
- มีกลิ่นและไม่มีมีกลิ่น - มีเทียนสำหรับสร้างบรรยากาศ ในขณะที่บางประเภทก็มีประโยชน์ด้านกลิ่นหอม
- ประเภทของเทียน - เทียนโวทิฟ เทียนแบบภาชนะ และเทียนแบบแท่ง เป็นเทียนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ก็มีเทียนแบบอื่นๆ อีกมากมาย คุณยังสามารถขายเทียนทีไลท์ เทียนลอยน้ำ และเทียนแท่งได้อีกด้วย
- ส่วนผสม - วัสดุทั่วไป ได้แก่ ขี้ผึ้งถั่วเหลือง ขี้ผึ้งผึ้ง และขี้ผึ้งพาราฟิน
เป็นเรื่องปกติที่จะเริ่มต้นขายด้วยเทียนชนิดเดียวและมีแผนจะขยายกิจการในอนาคต หากคุณวางแผนไว้แบบนี้ คุณต้องดูให้แน่ใจว่าซัพพลายเออร์ที่คุณเลือกมีสินค้าที่หลากหลายตามที่คุณต้องการ
2. ดูส่วนผสมของเทียน
ความต้องการสินค้าเทียนจากขี้ผึ้งออร์แกนิกและธรรมชาติกำลังเพิ่มขึ้น ดังนั้นคุณจึงต้องทราบว่าสินค้าที่คุณวางแผนจะขายนั้นมีส่วนผสมใดบ้าง
ประเภทของขี้ผึ้งที่ใช้ในเทียนทั่วไปมีดังนี้
- พาราฟิน -พาราฟินมีราคาถูก ใช้งานง่าย และกันน้ำ (เหมาะสำหรับเทียนลอยน้ำ) แต่ก็เป็นส่วนผสมที่เป็นผลพลอยได้จากปิโตรเลียม ดังนั้นลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอาจไม่ชอบ
- ขี้ผึ้งถั่วเหลือง - ขี้ผึ้งถั่วเหลืองมีจุดหลอมเหลวสูง ดังนั้นจึงเผาไหม้ช้า ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับเทียนที่มีกลิ่นหอมและสี และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเนื่องจากผลิตจากถั่วเหลือง ข้อเสียคือไม่สามารถรักษารูปทรงได้ดี ซึ่งหมายความว่าเหมาะกับการเก็บไว้ในภาชนะ
- ขี้ผึ้ง - เป็นส่วนผสมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (และไม่ทำร้ายสัตว์) ขี้ผึ้งนั้นได้มาจากธรรมชาติ ไม่เป็นพิษ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ มีส่วนผสมหลายอย่างที่ต้องใช้ในการผลิตขี้ผึ้งประเภทนี้ ดังนั้นจึงอาจมีราคาสูงกว่าตัวเลือกอื่น ขี้ผึ้งสามารถรักษารูปทรงได้ดี หมายความว่าสามารถใช้เป็นเทียนได้โดยไม่ต้องใช้ภาชนะ เช่น เทียนโวทิฟ เทียนเสา แท่ง ฯลฯ
- ขี้ผึ้งมะพร้าว - ขี้ผึ้งมะพร้าวสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เป็นธรรมชาติ รักษากลิ่นได้ดี และเผาไหม้ช้า รวมถึงมีจุดหลอมเหลวต่ำ ดังนั้นจึงเหมาะกับการอยู่ในภาชนะ นอกจากนี้ยังมีราคาสูงกว่าขี้ผึ้งอื่นๆ
เทียนหอมหลายชนิดมีกลิ่นจากส่วนผสมจากธรรมชาติ น้ำมันหอมระเหย หรือสารสังเคราะห์ โดยทั่วไปแล้ว น้ำหอมและส่วนผสมสังเคราะห์กำลังจะถูกเลิกใช้ เพราะมันเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้คน
คุณอาจเห็นผู้ผลิตบางรายใช้คำว่า “น้ำหอม” บนฉลากโดยไม่ระบุส่วนผสมจริงทั้งหมด ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุญาตให้ใช้คำทั่วไปได้ในบางกรณี แต่ผู้ผลิตบางรายอาจใช้เป็นช่องโหว่ในการละเว้นการเปิดเผยรายละเอียดที่แท้จริงของสารปรุงแต่งกลิ่น ดังนั้น หากคุณต้องการความมั่นใจ ควรเลือกเทียนที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติหรือมีการระบุแหล่งที่มาของกลิ่นอย่างชัดเจน
3. ค้นหาซัพพลายเออร์ที่มีสินค้าที่เหมาะสม
หากคุณมีธุรกิจอยู่แล้ว คุณอาจจะรู้จักลูกค้าของคุณและความชอบของพวกเขาอยู่แล้ว
คุณอาจกำลังมองหาการเปิดธุรกิจใหม่ที่เน้นการขายเทียนโดยเฉพาะ ในกรณีนี้ ให้มองหาผู้จัดจำหน่ายในราคาส่งที่มีสินค้าเทียนให้เลือกหลากหลาย
บางทีคุณอาจเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยหรือสปาที่มีร้านค้าปลีกเป็นธุรกิจเสริม และต้องการทดลองเทียนหอมในพื้นที่ของคุณและเพื่อขาย ในกรณีนี้ ลองมองหาซัพพลายเออร์ที่เน้นด้านอโรมาเธอราพี หรือคุณอาจต้องการเพิ่มเทียนหอมลงในกล่องสมัครสมาชิก ซึ่งในกรณีนี้ คุณจะต้องใช้เทียนหอมขนาดเล็กที่ดูสนุกสนาน หรือเทียนหอมกระป๋องที่เข้ากันกับสินค้าอื่นๆ ในกล่องของคุณ
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายและประเภทของเทียนที่ต้องการซื้อก่อนตัดสินใจเลือกผู้จำหน่ายเทียนถือเป็นความคิดที่ดี
4. เลือกซัพพลายเออร์เทียนที่พร้อมเติบโตไปกับคุณ
เมื่อธุรกิจของคุณเติบโต คุณจะเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นและสร้างยอดขายมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์มากขึ้น และอาจต้องเปิดตัวสินค้าเทียนหอมใหม่ๆ ด้วย ซัพพลายเออร์บางรายนำเสนอเทียนหอมควบคู่ไปกับสินค้าอื่นๆ ในขณะที่ซัพพลายเออร์บางรายมุ่งเน้นเฉพาะเทียนหอมเพียงอย่างเดียว
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือต้องสังเกตแนวโน้มตามฤดูกาลและวันหยุดที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทียน และจะต้องมีซัพพลายเออร์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ในช่วงที่มีความต้องการสูงสุด ให้สอบถามเกี่ยวกับระยะเวลาดำเนินการและความเร็วในการเร่งการดำเนินงานเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจำนวนมาก รวมถึงคำสั่งซื้อที่มีขนาดใหญ่สุด
5. คำนึงถึงค่าธรรมเนียมการนำเข้า
การขายระหว่างประเทหากคุณนำเข้าเทียนหอมหรือวัตถุดิบจากต่างประเทศ เช่น ขี้ผึ้ง น้ำมันหอมระเหย หรือบรรจุภัณฑ์ ควรคำนึงถึงภาษีนำเข้าและอากรศุลกากร ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญที่กระทบต่อราคาขาย
ในประเทศไทย การนำเข้าสินค้าจะอยู่ภายใต้การกำกับของกรมศุลกากร โดยมีการจัดเก็บภาษีตามพิกัดศุลกากร (HS Code) ที่แตกต่างกัน เช่น
- เทียนหอมและเทียนตกแต่ง: จัดอยู่ในหมวดผลิตภัณฑ์เทียน (Candle Products)
- น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils): อาจเข้าข่ายหมวดวัตถุดิบเครื่องสำอาง/อาหาร
- บรรจุภัณฑ์ เช่น ขวดแก้วหรือโลหะ: จัดเก็บตามพิกัดวัสดุ
อัตราภาษีนำเข้าขึ้นอยู่กับ ประเทศต้นทาง และ ประเภทสินค้า โดยปกติจะอยู่ระหว่าง 5%–30% ของมูลค่าสินค้า รวมกับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ที่เรียกเก็บเพิ่ม
💡 เคล็ดลับ
- ตรวจสอบพิกัดศุลกากร (HS Code) และอัตราภาษีนำเข้าจากเว็บไซต์กรมศุลกากรไทยก่อนนำเข้าสินค้า
- หากนำเข้าสินค้าปริมาณมาก ควรใช้ชิปปิ้งหรือเอเจนซี่ด้านนำเข้า เพื่อช่วยจัดการเอกสารและลดความเสี่ยงเรื่องค่าธรรมเนียมที่ไม่คาดคิด
- วางแผนต้นทุนรวม (สินค้า + ภาษี + ค่าขนส่ง) ให้ชัดเจน เพื่อประเมินราคาขายและกำไรได้แม่นยำ
6. ตรวจสอบซัพพลายเออร์เทียน
ขอเอกสารและแหล่งข้อมูลจากซัพพลายเออร์ที่มีศักยภาพเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง เช่น
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท / ห้างหุ้นส่วน จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)
- ใบอนุญาตโรงงาน (ถ้ามีการผลิตเองในระดับอุตสาหกรรม) จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
- ใบอนุญาต อย. (เฉพาะเทียนที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานบนร่างกาย เช่น เทียนอโรมาที่ละลายแล้วใช้กับผิว)
- มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หากเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานบังคับ เช่น เทียนบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
- ตัวอย่างลูกค้าอ้างอิง หรือรายชื่อลูกค้าที่เคยสั่งซื้อจริง
ดำเนินการตรวจสอบด้วยตนเองโดยพิมพ์วลีคีย์เวิร์ดเช่น "รีวิว[ชื่อซัพพลายเออร์]" และ "[ชื่อซัพพลายเออร์]หลอกลวง" ลงใน Google เพื่อช่วยค้นหาสิ่งที่เป็นสัญญาณเตือน
ข้อดีของการซื้อเทียนในราคาส่ง
นี่คือข้อดีของการซื้อในราคาส่ง
ประหยัดค่าใช้จ่าย
ธุรกิจจะมีอำนาจในการซื้อมากขึ้นเมื่อซื้อเทียนในราคาขายส่ง เนื่องจากซัพพลายเออร์ในราคาส่งจะผลิตในปริมาณมากและขายในราคาต่อหน่วยที่ต่ำกว่าผู้ค้าปลีก
สมมติว่าคุณผลิตเทียนของคุณเองซึ่งมีต้นทุนเล่มละประมาณ 159 บาท) ถึงประมาณ 254 บาท รวมถึงวัสดุ แรงงาน และค่าใช้จ่ายทั่วไป คุณสามารถซื้อเทียนที่คล้ายกันในราคาส่งที่เล่มละ 96 -191 บาทได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณและข้อกำหนด
ความแตกต่างในราคาอาจดูไม่มากในตอนแรก แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อธุรกิจของคุณเติบโต สำหรับชุดเทียน 1,000 เล่ม คุณอาจประหยัดได้ประมาณ 63,406-150000 บาท ด้วยการซื้อในราคาส่ง
ตัวเลือกที่หลากหลาย
จำความรู้สึกตอนที่คุณเป็นเด็กและอยู่ในร้านขนมได้ไหม ถ้าคุณเป็นคนที่หลงใหลในเทียน นั่นคือความรู้สึกที่คุณจะได้รับเมื่อเลือกดูผู้ขายส่งเทียนรายต่างๆ
ผู้ขายส่งเทียนจะส่งมีแค็ตตาล็อกเทียนที่มีกลิ่น ขนาด และสไตล์ให้เลือกหลากหลาย ตลาดเทียนหอมทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตที่อัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 4.1% ตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2030 การมีสิทธิ์เลือกที่หลากหลายช่วยให้คุณสามารถรับรู้แนวโน้มและตอบสนองตลาดเฉพาะได้
ไม่ว่าลูกค้าของคุณจะต้องการกลิ่นวานิลลาคลาสสิกหรือกลิ่นใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ การซื้อจากผู้ขายส่งเทียนจะช่วยให้คุณตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
เลือกปรับแต่งเองได้
ซัพพลายเออร์บางรายจะเชิญชวนให้ธุรกิจสร้างสินค้าที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง ซึ่งนี่เป็นโอกาสดี เนื่องจาก 1 ใน 5 ของผู้บริโภค จะยอมจ่ายมากขึ้นสำหรับสินค้าที่ปรับแต่งแบบพิเศษ
นี่คือสิ่งที่คุณทำได้เมื่อร่วมมือกับซัพพลายเออร์
- พัฒนากลิ่นเฉพาะของแบรนด์
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ของตัวเอง
- สร้างกลุ่มสินค้ารุ่นลิมิเต็ด
- เสนอการติดป้ายแบรนด์ที่เลือกเองได้
ด้วยตัวเลือกการปรับแต่งที่ช่วยให้คุณสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์เป็นของตัวเอง เทียนกลิ่น “Midnight Nachos” ที่ไม่เหมือนใครของคุณอาจเป็นสินค้าที่สร้างกระแสให้โลกใบนี้ได้
มีอัตรากำไรมากขึ้น
อาจพูดได้ว่าข้อดีที่น่าสนใจที่สุดของการซื้อเทียนในราคาส่งคือศักยภาพในการเพิ่มผลกำไรด้วยการลดต้นทุนต่อหน่วย คุณสามารถใช้กลยุทธ์การตั้งราคาที่แข่งขันได้ต่อไปในขณะที่ก็ยังได้ผลกำไรที่สูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อเทียนในราคาส่งที่ $8 (ประมาณ 254 บาท) และขายในราคา $24 (ประมาณ 761 บาท) นั่นคือการเพิ่มขึ้น 200% คุณสามารถนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนด้านการตลาด เพิ่มสินค้าใหม่ๆ หรือเก็บผลกำไรจากธุรกิจได้มากขึ้น
เข้าใจการตั้งราคาและส่วนลดในการขายส่งเทียน
เมื่อมองหาเทียนมาขายในธุรกิจของคุณ ความเข้าใจเรื่องโครงสร้างราคาขายส่งเทียนเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มผลกำไร โดยทั่วไปราคาขายส่งเทียนจะต่ำกว่าราคาขายปลีก 50%–60% แต่ก็อาจเปลี่ยนได้ตามปริมาณการสั่งซื้อ คุณภาพสินค้า และความสัมพันธ์ของคุณกับผู้ขาย
ผู้ขายส่งเทียนส่วนใหญ่ในไทยใช้การตั้งราคาแบบขั้นบันได เช่น
- ยิ่งซื้อในปริมาณมาก ก็ยิ่งจ่ายต่อหน่วยน้อยลง
- MOQ (ขั้นต่ำการสั่งซื้อ) จะเป็นตัวกำหนดระดับราคา
- บางรายให้ส่วนลดตามฤดูกาลหรือโปรโมชั่นพิเศษ
ตัวอย่างราคาขายส่งในไทย (สำหรับเทียนหอมคุณภาพกลาง–พรีเมียม)
- 50–99 ชิ้น: ราคาเฉลี่ย 150 บาท/ชิ้น
- 100–249 ชิ้น: ราคาเฉลี่ย 130 บาท/ชิ้น
- 250 ชิ้นขึ้นไป: ราคาเฉลี่ย 110 บาท/ชิ้น
วิธีนี้ช่วยให้คุณเริ่มต้นจากปริมาณเล็ก ๆ ก่อน และค่อย ๆ ลดต้นทุนต่อหน่วยเมื่อธุรกิจเติบโต ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อเทียนหอมในราคาส่ง 150 บาท แล้วขายปลีกที่ 350 บาท คุณได้กำไรเกือบเท่าตัว แต่หากคุณซื้อในราคาส่ง 110 บาท แล้วขายปลีกที่ 350 บาท กำไรต่อหน่วยจะยิ่งสูงขึ้นมาก
💡 เคล็ดลับ: ควรเจรจาขอส่วนลดจากซัพพลายเออร์เสมอ โดยเฉพาะหากมีการสั่งซื้อประจำ ผู้ขายส่งจำนวนมากยินดีเสนอราคาพิเศษเพื่อลูกค้าที่ทำธุรกิจระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผู้ขายส่งเทียน
ซัพพลายเออร์ขายส่งเทียนเจ้าไหนดีที่สุดในไทย?
ขึ้นอยู่กับงบประมาณและกลุ่มลูกค้าของคุณ ถ้าต้องการเทียนหอมระดับพรีเมียมสำหรับสปาหรือโรงแรม คามากาเมท (Karmakamet) และ ปัญญ์ปุริ (Panpuri) ถือว่าเหมาะสมที่สุด ถ้าต้องการสินค้าสำหรับตลาดนักท่องเที่ยวหรือของฝาก บาธ แอนด์ บลูม (Bath & Bloom) และ สบายอารมณ์ (Sabai Arom) เป็นตัวเลือกที่ดี
การขายเทียนเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้หรือไม่?
การขายเทียนเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้เพราะเทียนเป็นสิ่งที่มีคนต้องการเสมอ หากคุณตั้งราคาให้เหมาะสมและทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์ คุณก็จะทำกำไรจากธุรกิจขายเทียนได้
จะขายส่งเทียนได้ยังไง?
- พิจารณาว่าคุณสามารถขายเทียนประเภทใดได้บ้าง
- ระบุกลุ่มเป้าหมาย
- คำนึงถึงค่าธรรมเนียมการนำเข้าและส่งออก
- ตั้งราคาเทียน โดยให้ส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อที่มากขึ้น
- สร้างความสัมพันธ์กับร้านของขวัญใกล้บ้าน สปา และผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่อาจต้องการซื้อเทียนในราคาส่ง
จะเป็นซัพพลายเออร์เทียนได้อย่างไร?
- ตอบตัวเองให้ได้ว่าต้องการขายเทียนประเภทใด
- ดูส่วนผสมของเทียน
- ค้นหาผู้จัดจำหน่ายที่มีสินค้าที่ตรงกับความต้องการ
- เลือกซัพพลายเออร์ขายส่งเทียน
- พิจารณาค่าธรรมเนียมการนำเข้า
- ตรวจสอบผู้ขายส่งเทียน
- เริ่มขายด้วยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopify


