คลิปวิดีโอสั้นในแนวตั้งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพราะ TikTok แต่จริงๆ แล้ว YouTube และ Instagram ก็มีโปรแกรมวิดีโอสั้นที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
จากรายงานการตลาดวิดีโอปี 2024 ของ Hubspot ระบุว่า คลิปวิดีโอสั้นให้ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) สูงกว่าและได้รับการมีส่วนร่วมหรือ Engagement มากกว่าวิดีโอประเภทอื่นๆ ทำให้คลิปวิดีโอรูปแบบนี้มีความสำคัญและทำรายได้อย่างงามให้ทั้งแบรนด์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์
มาดูกันว่า YouTube ตอบแทนครีเอเตอร์ Youtube Shorts อย่างไร พร้อมกับ 5 วิธีในการสร้างรายได้จาก YouTube Shorts
“Youtube Shorts สร้างรายได้” จริงหรือไม่?
จริง ครีเอเตอร์สามารถหาเงินจาก YouTube Shorts ได้ แม้ว่าเดิมที Shorts ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ YouTube (YPP) แต่ตอนนี้คอนเทนต์วิดีโอทุกประเภทสามารถสร้างรายได้แล้ว
Youtube Shorts สร้างรายได้ยังไงบ้าง
- การขายโฆษณา
- การรวมรายได้
- การจัดสรรกองทุนเบื้องต้น
- การจัดสรรกองทุนเพลง
- การจัดสรรกองทุนสำหรับครีเอเตอร์
- การจ่ายกองทุน
YouTube ให้ค่าตอบแทนครีเอเตอร์ Shorts ด้วยระบบแบ่งรายได้ที่มาจากโฆษณา ซึ่งแสดงระหว่างคลิปวิดีโอสั้นในฟีด
แพลตฟอร์มจะรวบรวมรายได้โฆษณาจาก Shorts ทั้งหมด แล้วจัดสรรเป็นเปอร์เซ็นต์ให้กับพาร์ทเนอร์ด้านเพลง และอีกส่วนให้กับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ของ YouTube Shorts โดยครีเอเตอร์จะได้รับการจ่ายเงินตามผลงานของคลิปแต่ละรายการ
มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับการแบ่งรายได้ Youtube Shorts กัน
1. การขายโฆษณา
YouTube ขายพื้นที่โฆษณาให้กับบริษัทต่างๆ และแสดงโฆษณาระหว่างคลิปวิดีโอในฟีด Shorts
2. การรวมรายได้
YouTube จะรวบรวมรายได้ทั้งหมดจากโฆษณาที่ปรากฏในฟีด Shorts แล้วนำรายได้นั้นมาจัดสรรให้กับครีเอเตอร์ Shorts ซึ่งแตกต่างจากวิดีโอ YouTube แบบดั้งเดิม
3. การจัดสรรเงินเริ่มต้น
YouTube จะจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งจาก Shorts ไปให้กับครีเอเตอร์ และอีกส่วนหนึ่งไปเป็นต้นทุนลิขสิทธิ์เพลง หากครีเอเตอร์อัปโหลดคลิปที่ไม่มีเพลง รายได้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรับชมที่มีสิทธิ์รับรายได้จะเป็นของครีเอเตอร์โดยตรง
4. การจัดสรรเงินสำหรับเพลง
หากคอนเทนต์ของครีเอเตอร์มีเพลงประกอบหนึ่งเพลง ครึ่งหนึ่งของพูล YouTube Shorts ที่เกี่ยวข้องจะถูกนำไปจ่ายค่าการใช้เพลง และอีกครึ่งหนึ่งจะเข้าสู่กองทุนครีเอเตอร์ หากมีเพลง 2 เพลง 2 ใน 3 ของรายได้จะถูกนำไปจ่ายค่าการใช้เพลง และอีก 1 ใน 3 จะเป็นของครีเอเตอร์
5. การจัดสรรเงินสำหรับครีเอเตอร์
YouTube จะจัดสรรรายได้สำหรับครีเอเตอร์ตามสัดส่วนของยอดการรับชมที่ครีเอเตอร์ทำได้จากคอนเทนต์ Shorts ของตนในช่วงเวลาหนึ่ง ตัวอย่างเช่น หากครีเอเตอร์ได้รับ 4% ของยอดการรับชมทั้งหมดใน Shorts พวกเขาก็จะได้รับ 4% ของของรายได้รวยก็จะเป็นของครีเอเตอร์
6. การจ่ายเงินจากพูล
ครีเอเตอร์แต่ละคนจะได้รับ 45% ของรายได้ที่ถูกจัดสรรให้ ส่วนที่เหลืออีก 55% จะถูก YouTube เก็บไว้ในพูลครีเอเตอร์
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ วิดีโอที่ละเมิดแนวทางเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา เช่น คอนเทนต์ที่นำมาจากครีเอเตอร์คนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือคลิปจากรายการทีวีหรือภาพยนตร์ที่ไม่ผ่านการตัดต่อ จะไม่สามารถสร้างรายได้
ครีเอเตอร์จะไม่ได้รับรายได้จากคอนเทนต์ที่ละเมิดแนวทางของ YouTube เกี่ยวกับความเหมาะสมสำหรับผู้ลงโฆษณา เช่น คอนเทนต์ที่ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม หรือเนื้อหาที่มีลักษณะเหยียดหยาม ยุยง หรือดูถูก
ข้อกำหนดคุณสมบัติหาต้องการใช้ YouTube Shorts สร้างรายได้
ในการสร้างรายได้จาก YouTube Shorts ครีเอเตอร์ต้องสมัครเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ YouTube
โปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ YouTube มีระดับการสร้างรายได้สองระดับ แต่ละระดับมีเกณฑ์และโอกาสในการสร้างรายได้ที่แตกต่างกัน
การเข้าถึงการสนับสนุนจากแฟน
สิทธิ์นี้ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถขายสินค้าบน YouTube และปลดล็อกฟีเจอร์การสนับสนุนแฟน ๆ เช่น การสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน Super Chat Super Stickers และ Super Thanks ในการสมัครเข้าร่วมโปรแกรม ครีเอเตอร์ต้องมีคุณสมบัติหนึ่งในสองข้อดังนี้
- มีผู้ติดตาม 500 คน พร้อมโพสต์สาธารณะอย่างน้อยสามโพสต์ใน 90 วันที่ผ่านมา และมียอดรับชม Shorts สาธารณะที่ถูกต้องสามล้านครั้งใน 90 วันที่ผ่านมา
- มีผู้ติดตาม 500 คน พร้อมโพสต์สาธารณะอย่างน้อยสามโพสต์ใน 90 วันที่ผ่านมา และมียอดชมวิดีโอแบบยาวสาธารณะที่ถูกต้อง 3,000 ชั่วโมงใน 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจะไม่นับชั่วโมงจาก Shorts ไลฟ์สด แคมเปญโฆษณา วิดีโอส่วนตัว วิดีโอซ่อน และวิดีโอที่ถูกลบ
Youtube Shorts สร้างรายได้จากโฆษณาและการสนับสนุนจากแฟน
นอกจากการสนับสนุนแฟน ๆ แล้ว ครีเอเตอร์ยังสามารถสร้างรายได้จากโฆษณา (รวมถึงการสร้างรายได้จาก YouTube Shorts) และรายได้จากผู้สมัคร YouTube Premium ในการสมัครเข้าร่วมโปรแกรม ครีเอเตอร์ต้องมีคุณสมบัติ 1 ใน 2 ข้อดังนี้
- มีผู้ติดตาม 1,000 คน พร้อมมียอดรับชม Shorts สาธารณะ 10 ล้านครั้งใน 90 วันที่ผ่านมา
- มีผู้ติดตาม 1,000 คน พร้อมมียอดชมวิดีโอแบบยาวสาธารณะที่ถูกต้อง 4,000 ชั่วโมงใน 365 วันที่ผ่านมา
อินโฟกราฟิกแสดงคุณสมบัติของครีเอเตอร์ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ Youtube ซึ่งระบุว่าต้องมีผู้ติดตาม 1,000 ราย และมียอดรับชม 10 ล้านครั้ง หรือยอดชมคลิปวิดีโอยาว 4,000 ชั่วโมง
ที่มา: Youtube ศูนย์ช่วยเหลือ
เมื่อคุณทำตามเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งได้แล้ว คุณสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ YouTube ได้ YouTube จะตรวจสอบช่องของคุณและประเมินคุณสมบัติ ซึ่งกระบวนการนี้มักใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน
ข้อกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับโปรแกรมมีดังนี้
- ช่องต้องปฏิบัติตามนโยบายการสร้างรายได้ของช่อง YouTube ทั้งหมด
- ครีเอเตอร์ต้องอาศัยอยู่ในประเทศที่โปรแกรมเปิดให้ใช้งาน
- ครีเอเตอร์ต้องไม่มีการถูกตักเตือนเรื่องแนวทางชุมชนที่ยังคงค้างอยู่ในช่อง
- ช่องต้องเปิดการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนและเปิดใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูง
- ครีเอเตอร์ต้องมีบัญชี AdSense หรือสร้างบัญชีขึ้นมา
วิธีเริ่มสร้างรายได้จาก YouTube Shorts
เมื่อคุณได้รับการยอมรับเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ YouTube แล้ว คุณจะต้องยอมรับโมดูลการสร้างรายได้จาก Shorts เพื่อเริ่มรับรายได้ นี่คือวิธีเปิดใช้งาน
- เข้าสู่ระบบ YouTube Studio
- เลือกเมนู Earn ทางด้านซ้าย
- ยอมรับโมดูลการสร้างรายได้จาก Shorts
หากคุณยังไม่ได้ยอมรับโมดูลข้อตกลงพื้นฐาน (Base Terms) ให้ยอมรับโมดูลนั้นด้วย
Youtube Shorts สร้างรายได้เฉลี่ยเท่าไหร่?
YouTube เปิดตัวโมเดลแบ่งรายได้จากโฆษณา Shorts ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 เพื่อทำให้กระบวนการลิขสิทธิ์เพลงง่ายขึ้นและช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้มากขึ้นบนแพลตฟอร์ม
รายงานหลายฉบับระบุว่าค่า RPM หรือรายได้ต่อการรับชม 1,000 ครั้งของ YouTube Shorts ต่ำกว่าวิดีโอแบบยาวมาก โดยเฉลี่ยครีเอเตอร์จะได้รับรายได้ประมาณ 0.03 ถึง 0.20 บาทต่อการรับชม 1,000 ครั้ง ในขณะที่ครีเอเตอร์ YouTube ที่ทำวิดีโอแบบยาวมักจะได้รับรายได้ระหว่าง 34 บาท ถึง 1,020 บาทต่อการรับชม 1,000 ครั้ง
นี่คือตัวอย่างของวิธีการสร้างรายได้จาก YouTube Shorts สำหรับแบรนด์หรือครีเอเตอร์
- คุณอัปโหลดคลิป Shorts ในสหรัฐอเมริกา และคลิปนั้นได้รับยอดชมหนึ่งล้านครั้งภายในหนึ่งเดือน
- ในเดือนนั้น ยอดชมคลิป Shorts ทั้งหมดจากวิดีโอของครีเอเตอร์ที่สร้างรายได้ในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 400 ล้านครั้ง และ YouTube ได้รายได้ประมาณ 6.8 ล้านบาทจากโฆษณาที่ปรากฏในฟีด Shorts
- จากคลิป Shorts ที่สร้างรายได้ 30% ไม่มีเพลง 30% ใช้เพลงหนึ่งเพลง และ 40% ใช้เพลงสองเพลง
- YouTube จะจัดสรรเงินเข้าสู่พูลครีเอเตอร์ตามยอดชมต่อคลิป ในตัวอย่างนี้ ยอดชมกระจายอย่างเท่าเทียมกันในทุก Shorts YouTube จะจัดสรรดังนี้
- รายได้ 100% จากวิดีโอที่ไม่มีเพลงเข้าสู่พูลครีเอเตอร์
- 50% ของรายได้จากวิดีโอที่ใช้เพลงหนึ่งเพลงเข้าสู่พูลครีเอเตอร์
- 33% ของรายได้จากวิดีโอที่ใช้เพลงสองเพลงเข้าสู่พูลครีเอเตอร์
ในกรณีนี้ YouTube จะจัดสรรเงิน 3.95 ล้านบาทเข้าสู่พูลครีเอเตอร์ และส่วนที่เหลือเข้าสู่พูลลิขสิทธิ์เพลง
- ยอดชมหนึ่งล้านครั้งของคุณคิดเป็น 0.25% ของยอดชม Shorts ที่สร้างรายได้ทั้งหมดในเดือนนั้น ดังนั้นส่วนแบ่งของคุณจากพูลครีเอเตอร์คือ 3,950 บาท x 0.0025 = ประมาณ 9.88 บาท
- YouTube จะจ่ายคุณ 45% ของส่วนแบ่งรายได้จากพูลครีเอเตอร์ หรือประมาณ 4.45 บาท
ครีเอเตอร์ YouTube ประเมินรายได้โดยใช้ค่า RPM ในกรณีนี้ RPM ของคุณจะอยู่ที่ประมาณ 0.04 บาทต่อ 1,000 การรับชม
วิธีอื่นในการสร้างรายได้จาก YouTube Shorts
- ขายการติดตามแบบสมัครสมาชิก
- สร้างรายได้จากไลฟ์สด
- ขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
- เข้าร่วมโปรแกรม Affiliate
- ทำข้อตกลงแบรนด์แบบมีค่าตอบแทน
แม้ว่าการเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ YouTube จะเป็นวิธีเดียวที่จะสร้างรายได้จากโฆษณาใน Shorts แต่ก็ไม่ใช่วิธีเดียวที่ครีเอเตอร์ Shorts จะสามารถสร้างรายได้ได้ นี่คือรายการไอเดียในการหาเงิน
ขายการติดตามแบบสมัครสมาชิก
การเปิดใช้งานสมาชิกช่องของ YouTube ช่วยให้คุณเก็บค่าชำระรายเดือนแลกกับสิทธิพิเศษ เช่น คอนเทนต์พิเศษ ไลฟ์แชท ป้าย และอีโมจิ ในการเปิดใช้งานสมาชิกช่อง เข้าสู่ระบบ YouTube Studio คลิกเมนู Earn แล้วไปที่แท็บ Memberships
Youtube Shorts สร้างรายได้จากไลฟ์สด
YouTube อนุญาตให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้จากไลฟ์สดโดยใช้ Super Chat และ Super Stickers ซึ่งช่วยให้แฟน ๆ จ่ายเงินเพื่อส่งข้อความเด่นหรือสติกเกอร์เคลื่อนไหวในแชทไลฟ์สด
ขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
ครีเอเตอร์และแบรนด์สามารถสร้างรายได้จากการขายสินค้าทางออนไลน์ คุณสามารถขายสินค้าที่มีแบรนด์ของคุณเอง เช่น เสื้อผ้าที่มีภาพ โลโก้ หรือวลีโปรดของคุณ หรือเปิดตัวไลน์สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณโดยเฉพาะ แบรนด์สามารถใช้ YouTube เพื่อสร้างวิดีโอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโปรโมตสินค้าใหม่
ครีเอเตอร์มักขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopify และยังคงสร้างและเผยแพร่คอนเทนต์ที่น่าสนใจบน YouTube เพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ดึงดูดผู้ชมใหม่ และโปรโมตสินค้าของตน
เข้าร่วมโปรแกรม Affiliate
โปรแกรม Affiliate จ่ายเงินให้ครีเอเตอร์ตามรายได้ที่เกิดจากการคลิกไปยังลิงก์ที่อยู่บนช่อง YouTube ของครีเอเตอร์หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น โปรแกรม Affiliate ของ Shopify ร่วมมือกับครู อินฟลูเอ็นเซอร์ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ให้ความรู้กับผู้ชมเกี่ยวกับการทำธุรกิจ
ทำข้อตกลงแบรนด์แบบมีค่าตอบแทน
การทำข้อตกลงกับแบรนด์เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างรายได้จากวิดีโอ แทนที่จะให้ YouTube ขายพื้นที่โฆษณาแทนคุณ คุณจะติดต่อแบรนด์โดยตรงเพื่อตกลงข้อตกลงสปอนเซอร์
โดยทั่วไป แบรนด์จะจ่ายเงินให้ครีเอเตอร์เพื่อบันทึกและเผยแพร่วิดีโอรีวิวสินค้า การรับรอง หรือคอนเทนต์ประเภทอื่น ๆ หากคุณสนใจสร้างความร่วมมือแบบมีค่าใช้จ่าย คุณสามารถพัฒนาเว็บไซต์ครีเอเตอร์ ติดต่อแบรนด์โดยตรง หรือเข้าร่วมแพลตฟอร์มอินฟลูเอ็นเซอร์เพื่อช่วยให้แบรนด์หาคุณและติดต่อคุณได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ YouTube Shorts สร้างรายได้
YouTube Shorts จ่ายเงินเท่าไหร่ต่อ 1,000 ยอดวิว
ไม่มีจำนวนเงินที่ตายตัวสำหรับ 1,000 การรับชมบน YouTube Shorts เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง โฆษณา และการมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม ครีเอเตอร์รายงานว่า RPM ของ YouTube Shorts อยู่ระหว่าง 0.03 ถึง 0.20 บาทต่อ 1,000 การรับชม
Youtube Shorts สร้างรายได้เท่าไหร่ต่อ 1 ล้านยอดวิว
โดยใช้ค่าเฉลี่ยดังกล่าว คุณจะได้รับรายได้ประมาณ 340 ถึง 2,040 บาทสำหรับการรับชม 1 ล้านครั้งบน YouTube Shorts
จำเป็นต้องมีผู้ติดตาม 1,000 คนเพื่อสร้างรายได้จาก YouTube Shorts หรือไม่
ในการสร้างรายได้จาก YouTube Shorts คุณต้องมีผู้ติดตามอย่างน้อย 500 คน พร้อมกับมีการอัปโหลดสาธารณะที่ถูกต้องอย่างน้อยสามครั้งใน 90 วันที่ผ่านมา และมียอดชมสาธารณะที่ถูกต้อง 3,000 ชั่วโมง หรือยอดชม Shorts สาธารณะที่ถูกต้องสามล้านครั้ง เพื่อมีคุณสมบัติสมัครเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube แบบขยาย คุณต้องมีผู้ติดตาม 1,000 คน พร้อมมียอดชม 4,000 ชั่วโมง หรือยอดชม Shorts สาธารณะที่ถูกต้อง 10 ล้านครั้ง เพื่อรับสิทธิประโยชน์เต็มรูปแบบของโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube ซึ่งรวมถึงการแบ่งรายได้จากโฆษณาและ YouTube Premium


